รับทำ AI AEO
สำนักงานทนายความติวานนท์

5 คำถามที่มักพบบ่อยในการฟ้องหมิ่นประมาท หรือ คดีหมิ่นประมาท

ฟ้องหมิ่นประมาท คืออะไร
8

ฟ้องหมิ่นประมาท หากถูกการใส่ความผู้อื่นต่อ บุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้เราเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ตามมาตรา 326.

สารบัญ

ฟ้องหมิ่นประมาท คืออะไร? เป็นคดีอาญา หรือ คดีแพ่ง?

ในยุคที่โซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน การแสดงความคิดเห็นหรือการโพสต์ข้อความต่างๆ ทำได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส แต่ความง่ายดายนี้มักนำมาซึ่งปัญหาทางกฎหมายที่พบบ่อยที่สุด นั่นคือ “การฟ้องหมิ่นประมาท” หลายคนมักสงสัยว่าคดีนี้มีความร้ายแรงระดับไหน และเป็นเรื่องของคดีอาญาที่ต้องติดคุก หรือเป็นเพียงคดีแพ่งที่ต้องจ่ายเงินชดเชยเท่านั้น?

หมิ่นประมาท คืออะไร?

ตามกฎหมายแล้ว การหมิ่นประมาท คือ การใส่ความผู้อื่นต่อ “บุคคลที่ 3” โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง

กุญแจสำคัญคือต้องมี “บุคคลที่ 3” เข้ามารับรู้ หากคุณด่าว่าใครสักคนต่อหน้า หรือส่งข้อความด่ากันสองคนในแชทส่วนตัว (โดยไม่มีคนอื่นเห็น) จะไม่ถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท (แต่อาจเป็นความผิดลหุโทษฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า)

นิยาม ของ “การหมิ่นประมาท”

การหมิ่นประมาท (Defamation) คือ การใส่ความผู้อื่นต่อ บุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326

หัวใจสำคัญของการหมิ่นประมาทประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก คือ:

  1. มีการใส่ความ: คือการยืนยันข้อเท็จจริงบางอย่าง (ไม่ว่าเรื่องนั้นจะจริงหรือเท็จ) ที่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกไม่ดีต่อผู้ถูกกล่าวหา
  2. ต่อบุคคลที่สาม: ต้องมีคนอื่นรับรู้เรื่องราวนั้น หากเป็นการด่าว่ากันเองสองคนโดยไม่มีคนอื่นได้ยิน จะไม่ถือเป็นการหมิ่นประมาท (แต่อาจผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า)
  3. เกิดความเสียหาย: การใส่ความนั้นต้องมีแนวโน้มทำให้ผู้ถูกพาดพิงเสียหาย เสื่อมเสียเกียรติยศ หรือเป็นที่รังเกียจของสังคม

นอกจากนี้ หากการหมิ่นประมาทกระทำโดย “การโฆษณา” เช่น การโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย การกระจายเสียง หรือสิ่งพิมพ์ (มาตรา 328) กฎหมายจะถือเป็นความผิดที่รุนแรงกว่าปกติ เนื่องจากข้อมูลข่าวสารสามารถแพร่กระจายไปในวงกว้างและสร้างความเสียหายได้รวดเร็วกว่าการพูดปากต่อปาก


ฟ้องหมิ่นประมาท เป็นคดีอาญา หรือ คดีแพ่ง?

คำตอบที่ถูกต้องที่สุดคือ “เป็นได้ทั้งสองอย่าง” และในทางปฏิบัติมักจะมีการฟ้องควบคู่กันไป ดังนี้:

  1. ในทางอาญา (ต้องรับโทษทัณฑ์)

ประเทศไทยกำหนดให้การหมิ่นประมาทเป็นความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326

  • โทษ: จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  • หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา (มาตรา 328): หากการหมิ่นประมาทนั้นทำผ่านสื่อ เช่น โพสต์ลง Facebook, Twitter, TikTok หรือหนังสือพิมพ์ โทษจะหนักขึ้น คือ จำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท เพราะการกระจายข่าวสารทำได้วงกว้างและรวดเร็วกว่า
  1. ในทางแพ่ง (ต้องชดใช้ค่าเสียหาย)

การกระทำเดียวกันนี้ถือเป็น “การละเมิด” ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

  • ผู้เสียหายมีสิทธิฟ้องเรียก ค่าสินไหมทดแทน สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อชื่อเสียง เกียรติคุณ หรือทางทำมาหาได้ (เช่น ถูกยกเลิกงานจ้างเพราะข่าวลือเสียหาย)
  • ไม่มีโทษจำคุก แต่ต้องจ่ายเงินเยียวยาตามความเสียหายจริงที่ศาลประเมิน

สรุป 

เมื่อมีการฟ้องร้อง ผู้เสียหายมักจะยื่นฟ้องเป็น “คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญา” คือฟ้องเพื่อให้จำเลยได้รับโทษจำคุก (กดดันทางอาญา) และเรียกร้องเงินค่าเสียหาย (ทางแพ่ง) ไปพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม กฎหมายยังมีข้อยกเว้นหากการวิพากษ์วิจารณ์นั้นเป็นการ “ติชมด้วยความสุจริต” หรือเป็นเรื่องประโยชน์สาธารณะ ผู้พูดอาจไม่มีความผิด

ดังนั้น ก่อนจะโพสต์หรือแชร์อะไรที่พาดพิงถึงบุคคลอื่น ควรมีสติและไตร่ตรองให้ดี เพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำอาจแลกมาด้วยเวลาในศาลและเงินก้อนโต


อยากฟ้องหมิ่นประมาท ต้องใช้เอกสาร หลักฐานอะไรบ้าง

เมื่อคุณตกเป็นเหยื่อของการถูกใส่ร้ายป้ายสี ไม่ว่าจะทางวาจาหรือผ่านโลกออนไลน์ ความโกรธเพียงอย่างเดียวไม่สามารถเอาผิดใครได้ “พยานหลักฐาน” คือหัวใจสำคัญที่จะตัดสินว่าคุณจะชนะคดีหรือได้รับเงินเยียวยาหรือไม่ การเตรียมเอกสารให้พร้อมแต่เนิ่นๆ จึงเป็นสิ่งที่ผู้เสียหายต้องทำทันที ดังนี้

1. หลักฐานการกระทำความผิด (สำคัญที่สุด)

นี่คือหลักฐานชิ้นเอกที่จะยืนยันว่า “มีการหมิ่นประมาทเกิดขึ้นจริง”

  • กรณีออนไลน์ (Facebook, Line, TikTok ฯลฯ):
    • แคปหน้าจอ (Capture): ให้เห็นข้อความที่หมิ่นประมาท รูปภาพ และชื่อบัญชีผู้โพสต์อย่างชัดเจน อย่าตัดต่อภาพ
    • ลิงก์ (URL): คัดลอกลิงก์ของโพสต์นั้นเก็บไว้ (หากทำได้) เพื่อยืนยันที่มา
    • ความเห็น (Comments): แคปความเห็นของบุคคลที่ 3 ที่เข้ามาด่าทอหรือแสดงความเกลียดชัง เพื่อพิสูจน์ว่ามี “บุคคลที่ 3” รับรู้และหลงเชื่อ
    • ข้อแนะนำ: ควรรีบเก็บหลักฐานทันที ก่อนที่คู่กรณีจะลบโพสต์หนี
  • กรณีออฟไลน์ (พูดต่อหน้าบุคคลอื่น):
    • คลิปวิดีโอ หรือ คลิปเสียง (ถ้าบันทึกทัน)
    • ภาพถ่ายเหตุการณ์ (ถ้ามี)

2. หลักฐานระบุตัวตนผู้กระทำผิด

คุณต้องชี้เป้าให้ตำรวจหรือศาลทราบว่า “ใคร” คือผู้ที่ทำผิด

  • โปรไฟล์บัญชี: หน้าโปรไฟล์ Facebook หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่แสดงรูป ชื่อ หรือข้อมูลที่เชื่อมโยงไปถึงตัวตนจริงได้
  • ข้อมูลส่วนตัว: ชื่อ-นามสกุลจริง, ที่อยู่, หรือเบอร์โทรศัพท์ (หากคุณทราบ)

3. หลักฐานแสดงความเสียหาย

ใช้สำหรับเรียกค่าเสียหายในทางแพ่ง

  • ความเสียหายทางธุรกิจ: ยอดขายที่ตกลง, สัญญาจ้างที่ถูกยกเลิก, หรืออีเมลปฏิเสธงานที่อ้างอิงถึงข่าวลือนั้น
  • ความเสียหายทางจิตใจ: ใบรับรองแพทย์ หากเกิดความเครียดจนต้องเข้ารับการรักษา

4. พยานบุคคล

บุคคลที่ได้ยิน ได้อ่าน หรืออยู่ในเหตุการณ์ และพร้อมจะมาให้การว่า ตนเองได้รับรู้ข้อความนั้นและรู้สึกว่าผู้เสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียงจริง

5. เอกสารส่วนตัวของผู้แจ้งความ

  • บัตรประจำตัวประชาชน (ตัวจริงและสำเนา)
  • หนังสือมอบอำนาจ (กรณีให้ทนายความดำเนินการแทน)

ข้อควรระวังเรื่อง “อายุความ”

คดีหมิ่นประมาทเป็นความผิดอันยอมความได้ กฎหมายกำหนดให้ต้องร้องทุกข์ (แจ้งความ) หรือฟ้องศาล ภายใน 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่รู้เรื่องและรู้ตัวผู้กระทำผิด หากช้ากว่านี้ คดีจะขาดอายุความและเอาผิดไม่ได้ทันที

ดังนั้น เมื่อรวบรวมหลักฐานครบแล้ว ควรรีบปรึกษาทนายความหรือเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนโดยเร็วที่สุดครับ

 

การหมิ่นประมาท และ การดูหมิ่น ต่างกันอย่างไร: ข้อควรรู้ทางกฎหมาย

ในชีวิตประจำวัน เรามักได้ยินคำว่า “หมิ่นประมาท” และ “ดูหมิ่น” ถูกนำมาใช้แทนกัน แต่ในทางกฎหมายอาญาไทย ความผิดทั้งสองฐานนี้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งในด้าน องค์ประกอบความผิด และ บทลงโทษ การทำความเข้าใจความแตกต่างนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เราสามารถใช้คำพูดได้อย่างระมัดระวังและทราบขอบเขตของกฎหมาย

1. การหมิ่นประมาท (Defamation) – มุ่งเน้นการ “ใส่ความ”

การหมิ่นประมาท คือ การ “ใส่ความ” ผู้อื่นต่อ “บุคคลที่สาม” โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง (ป.อ. มาตรา 326)

  • แก่นสำคัญ: คือการ ยืนยันข้อเท็จจริง (ไม่ว่าข้อเท็จจริงนั้นจะเป็นจริงหรือเท็จก็ตาม) ที่ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง เช่น กล่าวหาว่า “เขาคนนี้โกงเงินบริษัท” หรือ “เธอคนนั้นติดยาเสพติด”
  • เงื่อนไขสำคัญ: ต้องมีบุคคลที่สามรับรู้ หากพูดด่ากันเองสองคนโดยไม่มีคนอื่นได้ยิน จะไม่เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาท
  • บทลงโทษ: รุนแรงกว่าการดูหมิ่น หากเป็นการหมิ่นประมาทธรรมดา มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี แต่หากเป็น หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา (เช่น โพสต์ในสื่อสาธารณะ) โทษจะหนักขึ้นเป็นจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท

2. การดูหมิ่น (Insult) – มุ่งเน้นการ “ดูถูกเหยียดหยาม”

การดูหมิ่น คือ การ ดูถูก เหยียดหยาม สบประมาท หรือด่าทอ ผู้อื่นซึ่งหน้า หรือเป็นการประทุษร้ายต่อเกียรติยศชื่อเสียงแบบทันที (ป.อ. มาตรา 393)

  • แก่นสำคัญ: คือการ ใช้ถ้อยคำหยาบคาย กิริยาท่าทาง หรือสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการเหยียดหยามโดยตรง โดยไม่ได้เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงที่ก่อให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง เช่น “ไอ้บ้า” “อีโง่” หรือการชูนิ้วกลาง
  • เงื่อนไขสำคัญ: ส่วนใหญ่มักเกิด ซึ่งหน้า หรือต่อหน้าผู้ถูกดูหมิ่นทันที ไม่จำเป็นต้องมีบุคคลที่สาม เข้ามารับรู้
  • บทลงโทษ: เป็นความผิดลหุโทษ (ความผิดเล็กน้อย) โทษเบาที่สุด คือ จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ข้อสรุปที่ชัดเจน

ลักษณะ หมิ่นประมาท (มาตรา 326) ดูหมิ่น (มาตรา 393)
การกระทำ ใส่ความ/ยืนยัน ข้อเท็จจริง (จริง/เท็จ) ดูถูก เหยียดหยาม สบประมาท คำหยาบคาย
เงื่อนไขบุคคล ต้องมีบุคคลที่สาม รับรู้ ส่วนใหญ่ ซึ่งหน้า (ต่อหน้าผู้ถูกด่า)
บทลงโทษ จำคุกไม่เกิน 1 ปี (โฆษณาไม่เกิน 2 ปี) จำคุกไม่เกิน 1 เดือน


กล่าวโดยง่ายคือ หมิ่นประมาท คือการใส่ร้ายป้ายสีให้คนอื่นเชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหามีพฤติกรรมไม่ดี ดูหมิ่น คือการแสดงความดูถูกเหยียดหยามให้ผู้ถูกดูหมิ่นรู้สึกอับอาย ณ ขณะนั้น ดังนั้น ก่อนจะพิมพ์หรือพูดอะไร ควรคิดให้รอบคอบ เพราะทั้งสองความผิดนี้มีโทษทางอาญาที่ต้องรับผิดชอบทั้งสิ้น

 

อยากฟ้องหมิ่นประมาท ต้องทำอย่างไร? ใช้เวลาดำเนินคดีนานไหม?

การถูกหมิ่นประมาทในยุคดิจิทัลสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว หากคุณตัดสินใจที่จะดำเนินคดีเพื่อเรียกคืนความยุติธรรม กระบวนการและระยะเวลาถือเป็นสิ่งที่ควรทราบเพื่อการวางแผนที่ถูกต้อง

📌 ขั้นตอนสำคัญที่ต้องดำเนินการ

การฟ้องคดีหมิ่นประมาทมักเริ่มต้นที่ตำรวจหรือยื่นฟ้องศาลโดยตรง โดยมีขั้นตอนหลักดังนี้:

  1. รวบรวมหลักฐานทันที: แคปหน้าจอ (Screen Capture) ข้อความ รูปภาพ วันที่/เวลา ที่มีการหมิ่นประมาท รวมทั้งลิงก์ (URL) หากทำได้ เน้นให้เห็นตัวตนของผู้กระทำผิดและหลักฐานการเผยแพร่ต่อสาธารณะ

  2. แจ้งความร้องทุกข์: นำหลักฐานทั้งหมดไปยื่นต่อพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจในท้องที่ที่เกิดเหตุ (ที่ผู้เสียหายทราบเรื่องหรือผู้กระทำผิดเผยแพร่) เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม

  3. ปรึกษาทนายความ: เนื่องจากคดีหมิ่นประมาทส่วนใหญ่เป็นการฟ้องในทางอาญาและฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งควบคู่กัน การปรึกษาทนายความผู้เชี่ยวชาญด้านคดีเทคโนโลยีหรือคดีหมิ่นประมาทโดยเฉพาะจะช่วยให้การยื่นฟ้องศาลมีน้ำหนักและถูกต้องตามกฎหมาย

ระยะเวลาในการดำเนินคดี

ระยะเวลาของคดีหมิ่นประมาทมีความไม่แน่นอนสูง ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของคดี และภาระงานของศาล แต่สามารถแบ่งเป็นช่วงเวลาโดยประมาณได้ดังนี้:

ระยะที่ กระบวนการ ระยะเวลาโดยประมาณ
1. แจ้งความ/สอบสวน 1 – 3 เดือน (ขึ้นอยู่กับความยากง่ายในการติดตามตัวผู้กระทำผิด)
2. ยื่นฟ้องศาล 1 – 2 เดือน (เตรียมคำฟ้อง, ส่งหมายเรียก)
3. พิจารณาคดีในศาลชั้นต้น 6 เดือน – 1 ปี (ขึ้นอยู่กับจำนวนนัดสืบพยานและคิวศาล)
รวมโดยเฉลี่ย นับตั้งแต่แจ้งความจนจบศาลชั้นต้น อย่างน้อย 8 เดือน ถึง 1 ปีครึ่ง

หากคู่กรณีมีการอุทธรณ์หรือฎีกา คดีอาจยืดเยื้อออกไปได้ถึง 2-3 ปี อย่างไรก็ตาม หลายคดีมักจบลงด้วยการ ไกล่เกลี่ย ก่อนการสืบพยาน โดยผู้กระทำผิดยอมจ่ายค่าเสียหายและลงประกาศขอโทษเพื่อยุติคดี

 

ฟ้องหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหายได้เท่าไหร่?

หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยที่สุดเมื่อถูกหมิ่นประมาท คือ เราจะสามารถเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงินเท่าไรได้บ้าง? คำตอบคือ ไม่มีอัตราตายตัว เนื่องจากกฎหมายให้สิทธิ์ผู้เสียหายในการฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนใน ทางแพ่ง ควบคู่ไปกับการดำเนินคดี อาญา

หลักการพิจารณาค่าเสียหาย

จำนวนเงินค่าเสียหายที่ศาลจะพิจารณาขึ้นอยู่กับ ความเสียหายที่แท้จริง ที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหาย โดยมีปัจจัยประกอบดังนี้:

  1. ความเสียหายต่อชื่อเสียงและเกียรติยศ: ดูจากตำแหน่ง หน้าที่การงาน ฐานะทางสังคม และความรุนแรงของข้อความที่ถูกเผยแพร่

  2. ความเสียหายทางเศรษฐกิจ: พิสูจน์ได้จากเอกสาร เช่น ยอดขายที่ลดลง สัญญาจ้างที่ถูกยกเลิก หรือโอกาสทางธุรกิจที่สูญเสียไป

  3. ความเสียหายทางจิตใจ: เช่น ต้องเข้ารับการรักษาจากแพทย์ หรือนักจิตวิทยา เนื่องจากความเครียดและผลกระทบจากข้อความหมิ่นประมาท

  4. เจตนาและความประพฤติของผู้กระทำผิด: หากกระทำโดยเจตนาร้ายอย่างชัดเจน ศาลอาจกำหนดค่าเสียหายให้สูงขึ้นเพื่อเป็นการลงโทษ

เรียกได้ตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักล้าน

โดยทั่วไป จำนวนเงินที่เรียกจะเริ่มต้นตั้งแต่หลักหมื่นไปจนถึงหลักล้านบาท ซึ่งจำนวนเงินที่ ศาลพิพากษาให้ มักจะไม่เท่ากับจำนวนเงินที่ ผู้เสียหายเรียกไป โดยศาลจะพิจารณาตามความเหมาะสมและความเสียหายที่พิสูจน์ได้จริงเป็นหลัก

ฟ้องหมิ่นประมาท: มีค่าใช้จ่ายและค่าทนายเท่าไหร่?

การฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาทต้องเตรียมพร้อมด้านการเงิน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายหลายส่วนที่ต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะเมื่อเป็นการฟ้องคดีแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายควบคู่กันไป

1. ค่าใช้จ่ายทางราชการ (ค่าธรรมเนียมศาล)

  • คดีอาญา: การฟ้องคดีอาญาฐานหมิ่นประมาทโดยตรง ไม่มีค่าธรรมเนียมศาล (ยกเว้นค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด เช่น ค่าถ่ายเอกสารหรือค่าส่งหมาย) หากคุณยื่นฟ้องเอง หรือตำรวจส่งสำนวนให้อัยการฟ้อง

  • คดีแพ่ง: หากฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งด้วย คุณต้องเสีย ค่าขึ้นศาล โดยคิดเป็นอัตราร้อยละ 2 ของจำนวนทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง (แต่สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท) เช่น หากเรียก 500,000 บาท จะเสียค่าขึ้นศาล 10,000 บาท

2. ค่าใช้จ่ายทนายความ (ค่าทนาย)

ค่าทนายความมีความยืดหยุ่นสูงและขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ความยากง่ายของคดี และชื่อเสียงของทนายความ

  • คดีไม่ซับซ้อน: ค่าว่าความอาจเริ่มต้นที่ประมาณ 50,000 – 100,000 บาท (จนจบศาลชั้นต้น)

  • คดีซับซ้อน (หมิ่นประมาทออนไลน์): อาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า 100,000 บาท ขึ้นอยู่กับการสืบหาหลักฐานทางดิจิทัลและจำนวนผู้กระทำผิด

ข้อควรรู้

ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นทั้งหมด ผู้ฟ้องต้องสำรองจ่ายไปก่อน แต่หากศาลพิพากษาให้คุณชนะคดีและมีสิทธิ์ได้รับค่าเสียหาย ศาลจะสั่งให้ผู้แพ้คดี ชดใช้ค่าทนายความและค่าธรรมเนียมศาล คืนให้คุณได้บางส่วน


ยกตัวอย่าง วิธีการคำนวนค่าใช้จ่าย 

หากต้องการเรียกค่าเสียหาย 600,000 บาท ในคดีหมิ่นประมาท จะมีค่าใช้จ่ายรวมโดยประมาณดังนี้ครับ

การฟ้องคดีหมิ่นประมาทส่วนใหญ่มักจะฟ้อง คดีอาญา (เพื่อให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษ) ควบคู่กับ คดีแพ่ง (เพื่อเรียกค่าเสียหาย)

1. ค่าธรรมเนียมศาล (ค่าขึ้นศาล)

ค่าธรรมเนียมศาลจะคิดเฉพาะในส่วนของการฟ้องคดี แพ่ง เพื่อเรียกค่าเสียหายเท่านั้น โดยคิดในอัตราร้อยละ 2 ของจำนวนทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง

  • ทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง: 600,000 บาท

  • อัตราค่าขึ้นศาล: 600,000 บาท x 2%

  • ค่าธรรมเนียมศาลที่ต้องชำระเบื้องต้น: 12,000 บาท

(หมายเหตุ: การฟ้องร้องในส่วนของคดีอาญาฐานหมิ่นประมาท จะไม่มีค่าธรรมเนียมศาลในขั้นตอนนี้)

2. ค่าใช้จ่ายทนายความ (โดยประมาณ)

ค่าทนายความจะแตกต่างกันไปตามความซับซ้อนของคดีและประสบการณ์ของทนาย แต่โดยทั่วไปจะรวมค่าใช้จ่ายในการยื่นฟ้อง การสืบพยาน และการดำเนินการในศาลชั้นต้น

  • ค่าทนายความโดยประมาณ: 80,000 – 120,000 บาท

(ค่าใช้จ่ายนี้เป็นค่าใช้จ่ายเหมาจ่ายจนจบศาลชั้นต้น โดยอาจไม่รวมค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดอื่น ๆ เช่น ค่าเดินทาง หรือค่าธรรมเนียมการคัดถ่ายเอกสาร)

สรุปค่าใช้จ่ายรวมโดยประมาณ

รายการค่าใช้จ่าย จำนวนเงิน (โดยประมาณ)
ค่าธรรมเนียมศาล (คดีแพ่ง) 12,000 บาท
ค่าทนายความ (โดยประมาณ) 80,000 – 120,000 บาท
รวมค่าใช้จ่ายโดยประมาณ 92,000 – 132,000 บาท

ข้อควรทราบเพิ่มเติม

  • การขอคืนค่าใช้จ่าย: หากศาลมีคำพิพากษาให้คุณเป็นฝ่ายชนะคดี ศาลจะกำหนดให้คู่กรณีต้อง ชดใช้ค่าธรรมเนียมศาลและค่าทนายความ บางส่วนคืนให้คุณด้วย

  • ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้น: หากคดีมีความซับซ้อนสูง (เช่น มีการสืบหาข้อมูลดิจิทัลจำนวนมาก หรือต้องสืบพยานหลายปาก) ค่าใช้จ่ายของทนายความอาจเพิ่มขึ้นจากที่ประมาณการได้.

สำนักงานทนายความติวานนท์ ให้บริการฟ้องคดีแพ่ง ฟ้องคดีอาญา ฟ้องหมิ่นประมาท ฟ้องชู้ ฟ้องขับไล่ ฟ้องลูกหนี้
การทำงานครอบคลุมถึง การออกโนติส การฟ้องคดีโดยตรง การทำงานร่วมกับตำรวจและพนักงานอัยการ
การร้องขอความเป็นธรรม การประกันตัวผู้ต้องหา การไต่สวนมูลฟ้อง การเขียนคำให้การของจำเลย การฟ้องแย้ง
การยื่นอุทธรณ์และการยื่นฎีกา รวมทั้งการสืบทรัพย์ การบังคับคดี และการตั้งเรื่องยึดทรัพย์ขายทอดตลาด

อัตราค่าจ้างทนาย ต้องสอบถามทางบริษัทเท่านั้น สามารถติดต่อได้ตามช่องทางต่อไปนี้

สอบถามเพิ่มเติม ติดต่อทนาย
โทร
แชทไลน์
อีเมล
สำนักงาน
ทนายความ สำนักงานทนายความ สำนักงานกฏหมาย
เลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
อ่านบทความล่าสุด