สำนักงานทนายความติวานนท์
7

คำถามที่มักพบบ่อย เกี่ยวกับสำนักงานกฏหมายและทนายความ

สำนักงานกฎหมาย คิดค่าจ้างทนายเท่าไหร่

เมื่อถึงเวลาที่ต้องพึ่งพาทนายความ หลายคนมักมีคำถามว่า สำนักงานกฎหมายคิดค่าจ้างทนายเท่าไหร่
ซึ่งความจริงแล้วค่าจ้างทนายไม่ได้มีตัวเลขตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งความซับซ้อนของคดี
ประสบการณ์ของทนาย ความยากง่ายในการดำเนินคดี รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปศาลในแต่ละจังหวัด
อย่างไรก็ตาม สามารถอธิบายช่วงราคาที่พบบ่อยได้ดังนี้

คุณสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ อัตราค่าจ้างทนาย

ค่าจ้างทนายคดีแพ่ง

สำหรับคดีแพ่ง หากว่าความในฐานะโจทก์ ราคาค่าทนายจะเริ่มต้นที่ประมาณ 30,000 บาทขึ้นไปต่อคดี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของคดี เช่น

  • คดีกู้ยืมเงิน — เริ่มต้นที่ 30,000 บาท
  • คดีจ้างทำของ — เริ่มต้นที่ 30,000 บาท
  • คดีละเมิด — เริ่มต้นที่ 30,000 บาท
  • คดีในชั้นศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา — ราคาจะสูงขึ้น เริ่มที่ประมาณ 40,000 บาทขึ้นไป

ค่าจ้างทนายคดีอาญา

คดีอาญามักมีความละเอียดอ่อนและซับซ้อนมากกว่าคดีแพ่ง จึงทำให้ค่าทนายสูงกว่า โดยทั่วไป

  • คดีอาญา กรณีฟ้องตรงต่อศาล — ค่าทนายเริ่มต้นที่ 50,000 บาทขึ้นไป
  • คดีอาญา กรณีแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน — ค่าทนายประมาณ 50,000 บาทขึ้นไป
  • ว่าจ้างทนายดูแลเฉพาะในชั้นพนักงานสอบสวน — ประมาณ 25,000 บาทขึ้นไป

ปัจจัยที่ทำให้ค่าทนายแตกต่างกัน

ค่าทนายในแต่ละสำนักงานกฎหมายมีความแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชื่อเสียง ประสบการณ์ และแนวทางการทำงานของทนายความ
นอกจากนี้คดีแต่ละประเภทมีรายละเอียดที่ไม่เหมือนกัน เช่น คดีที่มีพยานหลักฐานจำนวนมาก
หรือต้องเดินทางไปว่าความในต่างจังหวัด ก็อาจทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

สรุป

การว่าจ้างทนายความไม่ใช่เรื่องที่สามารถใช้ตัวเลขมาตรฐานเดียวกันได้ แต่ช่วงราคาที่พบบ่อยจะอยู่ที่
30,000 – 60,000 บาทต่อคดี และอาจสูงขึ้นตามความซับซ้อนและชั้นศาล
ดังนั้น ผู้ที่กำลังมองหาทนายควรสอบถามรายละเอียดและเงื่อนไขกับสำนักงานกฎหมายโดยตรง
เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนและตรงกับงบประมาณของตนเอง

ขั้นตอนการฟ้องคดี ของสำนักงานกฏหมาย

สำหรับผู้ที่ต้องการดำเนินการทางกฎหมาย หลายคนอาจยังไม่เข้าใจว่า
ขั้นตอนการฟ้องคดี ของสำนักงานกฎหมาย มีลำดับอย่างไรบ้าง โดยทั่วไปแล้ว กระบวนการมีขั้นตอนค่อนข้างชัดเจน
ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการมีคำพิพากษาของศาล ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้

  1. แต่งตั้งทนายความ — เริ่มต้นด้วยการแต่งตั้งทนายเพื่อดูแลสิทธิและผลประโยชน์
  2. มาพบทนายและเล่าข้อเท็จจริง — ให้ข้อมูลครบถ้วนเพื่อวิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมาย
  3. จัดเตรียมหลักฐานและพยาน — รวบรวมเอกสาร/พยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง
  4. ทนายความจัดทำคำฟ้อง — เมื่อข้อมูลครบ ทนายจะร่างคำฟ้องและยื่นต่อศาล
  5. การชำระค่าธรรมเนียมศาล — ชำระค่าธรรมเนียมตามกฎหมาย
  6. ศาลออกหมายและปิดหมาย — ออกหมายเรียกจำเลยและปิดหมายตามขั้นตอน
  7. ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง — พิจารณาความมีมูลของคดีก่อนดำเนินต่อ (ถ้ามี)
  8. ศาลนัดไกล่เกลี่ย — เปิดโอกาสให้คู่ความเจรจาประนีประนอม
  9. ศาลนัดสองสถาน — นัดยืนยันการพิจารณาคดีต่อไป
  10. ศาลนัดสืบพยาน — ฟังคำเบิกความพยานโจทก์และจำเลย
  11. ศาลนัดอ่านคำพิพากษา — สิ้นสุดกระบวนการในศาลชั้นต้น

สรุป: ขั้นตอนการฟ้องคดีมีลำดับชัดเจน ตั้งแต่แต่งตั้งทนาย เตรียมหลักฐาน สืบพยาน จนถึงคำพิพากษา ช่วยให้ผู้ฟ้องคดีเตรียมตัวได้มั่นใจขึ้น

สำนักงานกฎหมายใช้เวลาในการฟ้องคดีนานแค่ไหน

ระยะเวลาในการดำเนินคดีไม่มีตัวเลขตายตัว ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของคดี ประเภทคดี และคิวพิจารณาของศาล
โดยทั่วไป ตั้งแต่แต่งตั้งทนายจนถึงคำพิพากษาศาลชั้นต้น มักใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี

ขั้นตอนการฟ้องคดี (โดยสรุป)

  • การแต่งตั้งทนายความ — วิเคราะห์คดี รวบรวมหลักฐาน จัดทำคำฟ้อง
  • การยื่นคำฟ้องต่อศาล — ศาลรับคำฟ้องและกำหนดวันนัด
  • การสืบพยาน — ใช้เวลามาก ขึ้นกับจำนวนพยานและความซับซ้อน
  • คำพิพากษา — ศาลอ่านคำพิพากษา สิ้นสุดคดีในศาลชั้นต้น

ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลา

  • ความซับซ้อนของคดี — ประเด็นกฎหมาย/พยานหลักฐานมาก ทำให้ยืดเยื้อ
  • ประเภทคดี — คดีอาญามักเข้มงวดและใช้เวลามากกว่าคดีแพ่ง
  • คิวของศาล — หากคดีค้างจำนวนมาก การนัดสืบพยานอาจยาวนาน

สรุป: โดยรวมใช้เวลาราว 6 เดือน – 1 ปี แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ควรปรึกษาทนายเพื่อประเมินให้เหมาะกับสถานการณ์จริง

สำนักงานกฎหมาย ให้บริการฟ้องคดีอะไรบ้าง

สำนักงานกฎหมายมีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของประชาชน โดยทั่วไปแบ่งบริการได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ คดีแพ่ง และคดีอาญา

ฟ้องคดีแพ่ง

คดีแพ่งเกี่ยวข้องกับสิทธิ หน้าที่ และข้อพิพาททางทรัพย์สินหรือสัญญาระหว่างบุคคล ตัวอย่างเช่น

  • คดีกู้ยืมเงิน — เมื่อมีการกู้ยืมแล้วไม่ชำระหนี้ อ่านเพิ่มเติมที่ ฟ้องลูกหนี้
  • คดีจ้างทำของหรือผิดสัญญา — คู่สัญญาไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง
  • คดีละเมิด — ทำให้ผู้อื่นเสียหายทั้งร่างกาย ชีวิต หรือทรัพย์สิน
  • คดีครอบครัว — หย่า เรียกค่าเลี้ยงดู ฟ้องชิงสิทธิเลี้ยงดูบุตร อ่านเพิ่มเติมที่ ฟ้องชู้
  • คดีมรดก — การแบ่งทรัพย์สิน/จัดการมรดก อ่านเพิ่มเติมที่ ยื่นคำร้องแต่งตั้งผู้จัดการมรดก

การฟ้องคดีแพ่งมักใช้เวลาในการรวบรวมหลักฐานและพยาน เพื่อพิสูจน์สิทธิเรียกร้องของฝ่ายโจทก์หรือป้องกันสิทธิของจำเลย

ฟ้องคดีอาญา

คดีอาญาเกี่ยวข้องกับความผิดที่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของสังคม ตัวอย่างเช่น

  • คดีทำร้ายร่างกายหรือฆาตกรรม
  • คดีฉ้อโกง ยักยอก หรือปลอมแปลงเอกสาร
  • คดีลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ หรือปล้นทรัพย์
  • คดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
  • คดีหมิ่นประมาท — ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง ฟ้องหมิ่นประมาท

ทนายความสามารถยื่นฟ้องในนามโจทก์โดยตรงต่อศาล หรือดูแลตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวนจนถึงศาล เพื่อปกป้องสิทธิของผู้เสียหายหรือจำเลย

สรุป

สำนักงานกฎหมายให้บริการฟ้องคดีทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา ครอบคลุมข้อพิพาททางสัญญา การละเมิด คดีครอบครัว จนถึงคดีอาญาร้ายแรง การเลือกใช้บริการสำนักงานกฎหมายจึงสำคัญ เพื่อให้ได้รับความยุติธรรมอย่างถูกต้องตามกระบวนการ

ก่อนมาพบทนาย ต้องเตรียมเอกสารอะไรมาบ้าง

การมาพบทนายความเพื่อฟ้องคดีเป็นขั้นตอนสำคัญ หลายคนอาจไม่แน่ใจว่าควรนำเอกสารใดมาด้วย
การเตรียมเอกสารล่วงหน้าจะช่วยลดความล่าช้า และทำให้ทนายวางแนวทางคดีได้ถูกต้อง แบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ

เอกสารพื้นฐาน

  • สำเนาบัตรประชาชนของผู้ฟ้องคดี
  • สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ฟ้องคดี
  • สำเนาบัตรประชาชนของจำเลย (ถ้ามี)

เอกสารเฉพาะของแต่ละคดี

  • คดีฟ้องหย่า หรือฟ้องชู้ — ใบทะเบียนสมรส
  • คดีฟ้องหมิ่นประมาท — หลักฐานข้อความ/ข่าว/โพสต์ ควรบันทึกภาพหน้าจอหรือเก็บไฟล์
  • คดีฟ้องขับไล่ — โฉนดที่ดิน หรือเอกสารสิทธิ
  • คดีฟ้องลูกหนี้ — สัญญากู้ยืมเงิน หรือเอกสารแสดงการกู้ยืม
  • คดีฟ้องทำร้ายร่างกาย — ใบตรวจร่างกายจากแพทย์

สรุป: เตรียมเอกสารให้ครบถ้วนช่วยให้การดำเนินคดีราบรื่น ทนายสามารถวิเคราะห์ข้อเท็จจริง ร่างคำฟ้อง และยื่นต่อศาลได้อย่างถูกต้อง หากไม่แน่ใจควรสอบถามสำนักงานกฎหมายล่วงหน้า

10 คำศัพท์ ที่ควรรู้ก่อนมาพบทนาย หรือ ก่อนมาสำนักงานกฏหมาย

การมาพบทนายหรือไปสำนักงานกฎหมาย มักมีการใช้คำศัพท์เฉพาะ หากเข้าใจพื้นฐานจะช่วยให้สื่อสารกับทนายได้ง่ายขึ้น
และเข้าใจกระบวนการทางคดีได้ดีกว่า ต่อไปนี้คือ 10 คำศัพท์สำคัญ

  1. โจทก์ — ผู้ยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อเรียกร้องสิทธิหรือเอาผิดอีกฝ่าย
  2. จำเลย — ผู้ถูกฟ้องหรือถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด
  3. คำฟ้อง — เอกสารที่ทนายจัดทำและยื่นต่อศาล เพื่อระบุข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
  4. คำให้การ — เอกสารที่ฝ่ายจำเลยยื่นเพื่อตอบโต้หรือปฏิเสธข้อกล่าวหา
  5. ค่าธรรมเนียมศาล — ค่าใช้จ่ายที่ผู้ฟ้องคดีต้องชำระให้ศาล
  6. ไต่สวนมูลฟ้อง — ขั้นตรวจสอบว่าคดีมีมูลเพียงพอหรือไม่
  7. ไกล่เกลี่ย — กระบวนการให้คู่ความเจรจาประนีประนอม
  8. สืบพยาน — การเบิกความของพยานโจทก์และจำเลยต่อศาล
  9. คำพิพากษา — คำตัดสินของศาลหลังพิจารณาคดี
  10. อุทธรณ์ / ฎีกา — ขอให้ศาลชั้นสูงกว่าพิจารณาคดีใหม่ หากไม่พอใจคำพิพากษาเดิม

สรุป: เข้าใจคำศัพท์เหล่านี้แล้วจะสื่อสารกับทนายได้ตรงประเด็น และติดตามความคืบหน้าคดีได้อย่างเข้าใจมากขึ้น

สำนักงานทนายความติวานนท์ ให้บริการฟ้องคดีแพ่ง ฟ้องคดีอาญา ฟ้องหมิ่นประมาท ฟ้องชู้ ฟ้องขับไล่ ฟ้องลูกหนี้
การทำงานครอบคลุมถึง การออกโนติส การฟ้องคดีโดยตรง การทำงานร่วมกับตำรวจและพนักงานอัยการ
การร้องขอความเป็นธรรม การประกันตัวผู้ต้องหา การไต่สวนมูลฟ้อง การเขียนคำให้การของจำเลย การฟ้องแย้ง
การยื่นอุทธรณ์และการยื่นฎีกา รวมทั้งการสืบทรัพย์ การบังคับคดี และการตั้งเรื่องยึดทรัพย์ขายทอดตลาด

อัตราค่าจ้างทนาย ต้องสอบถามทางบริษัทเท่านั้น สามารถติดต่อได้ตามช่องทางต่อไปนี้

สอบถามเพิ่มเติม ติดต่อทนาย

โทร

แชทไลน์

อีเมล

สำนักงาน

ทนายความ สำนักงานทนายความ สำนักงานกฏหมาย
เลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
อ่านบทความล่าสุด