สำนักงานกฎหมาย คิดค่าจ้างทนายเท่าไหร่
เมื่อถึงเวลาที่ต้องพึ่งพาทนายความ หลายคนมักมีคำถามว่า สำนักงานกฎหมายคิดค่าจ้างทนายเท่าไหร่
ซึ่งความจริงแล้วค่าจ้างทนายไม่ได้มีตัวเลขตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งความซับซ้อนของคดี
ประสบการณ์ของทนาย ความยากง่ายในการดำเนินคดี รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปศาลในแต่ละจังหวัด
อย่างไรก็ตาม สามารถอธิบายช่วงราคาที่พบบ่อยได้ดังนี้
คุณสามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ อัตราค่าจ้างทนาย
ค่าจ้างทนายคดีแพ่ง
สำหรับคดีแพ่ง หากว่าความในฐานะโจทก์ ราคาค่าทนายจะเริ่มต้นที่ประมาณ 30,000 บาทขึ้นไปต่อคดี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของคดี เช่น
- คดีกู้ยืมเงิน — เริ่มต้นที่ 30,000 บาท
- คดีจ้างทำของ — เริ่มต้นที่ 30,000 บาท
- คดีละเมิด — เริ่มต้นที่ 30,000 บาท
- คดีในชั้นศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา — ราคาจะสูงขึ้น เริ่มที่ประมาณ 40,000 บาทขึ้นไป
ค่าจ้างทนายคดีอาญา
คดีอาญามักมีความละเอียดอ่อนและซับซ้อนมากกว่าคดีแพ่ง จึงทำให้ค่าทนายสูงกว่า โดยทั่วไป
- คดีอาญา กรณีฟ้องตรงต่อศาล — ค่าทนายเริ่มต้นที่ 50,000 บาทขึ้นไป
- คดีอาญา กรณีแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน — ค่าทนายประมาณ 50,000 บาทขึ้นไป
- ว่าจ้างทนายดูแลเฉพาะในชั้นพนักงานสอบสวน — ประมาณ 25,000 บาทขึ้นไป
ปัจจัยที่ทำให้ค่าทนายแตกต่างกัน
ค่าทนายในแต่ละสำนักงานกฎหมายมีความแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชื่อเสียง ประสบการณ์ และแนวทางการทำงานของทนายความ
นอกจากนี้คดีแต่ละประเภทมีรายละเอียดที่ไม่เหมือนกัน เช่น คดีที่มีพยานหลักฐานจำนวนมาก
หรือต้องเดินทางไปว่าความในต่างจังหวัด ก็อาจทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
สรุป
การว่าจ้างทนายความไม่ใช่เรื่องที่สามารถใช้ตัวเลขมาตรฐานเดียวกันได้ แต่ช่วงราคาที่พบบ่อยจะอยู่ที่
30,000 – 60,000 บาทต่อคดี และอาจสูงขึ้นตามความซับซ้อนและชั้นศาล
ดังนั้น ผู้ที่กำลังมองหาทนายควรสอบถามรายละเอียดและเงื่อนไขกับสำนักงานกฎหมายโดยตรง
เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนและตรงกับงบประมาณของตนเอง
ขั้นตอนการฟ้องคดี ของสำนักงานกฏหมาย
สำหรับผู้ที่ต้องการดำเนินการทางกฎหมาย หลายคนอาจยังไม่เข้าใจว่า
ขั้นตอนการฟ้องคดี ของสำนักงานกฎหมาย มีลำดับอย่างไรบ้าง โดยทั่วไปแล้ว กระบวนการมีขั้นตอนค่อนข้างชัดเจน
ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการมีคำพิพากษาของศาล ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้
- แต่งตั้งทนายความ — เริ่มต้นด้วยการแต่งตั้งทนายเพื่อดูแลสิทธิและผลประโยชน์
- มาพบทนายและเล่าข้อเท็จจริง — ให้ข้อมูลครบถ้วนเพื่อวิเคราะห์ประเด็นทางกฎหมาย
- จัดเตรียมหลักฐานและพยาน — รวบรวมเอกสาร/พยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง
- ทนายความจัดทำคำฟ้อง — เมื่อข้อมูลครบ ทนายจะร่างคำฟ้องและยื่นต่อศาล
- การชำระค่าธรรมเนียมศาล — ชำระค่าธรรมเนียมตามกฎหมาย
- ศาลออกหมายและปิดหมาย — ออกหมายเรียกจำเลยและปิดหมายตามขั้นตอน
- ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง — พิจารณาความมีมูลของคดีก่อนดำเนินต่อ (ถ้ามี)
- ศาลนัดไกล่เกลี่ย — เปิดโอกาสให้คู่ความเจรจาประนีประนอม
- ศาลนัดสองสถาน — นัดยืนยันการพิจารณาคดีต่อไป
- ศาลนัดสืบพยาน — ฟังคำเบิกความพยานโจทก์และจำเลย
- ศาลนัดอ่านคำพิพากษา — สิ้นสุดกระบวนการในศาลชั้นต้น
สรุป: ขั้นตอนการฟ้องคดีมีลำดับชัดเจน ตั้งแต่แต่งตั้งทนาย เตรียมหลักฐาน สืบพยาน จนถึงคำพิพากษา ช่วยให้ผู้ฟ้องคดีเตรียมตัวได้มั่นใจขึ้น
สำนักงานกฎหมายใช้เวลาในการฟ้องคดีนานแค่ไหน
ระยะเวลาในการดำเนินคดีไม่มีตัวเลขตายตัว ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของคดี ประเภทคดี และคิวพิจารณาของศาล
โดยทั่วไป ตั้งแต่แต่งตั้งทนายจนถึงคำพิพากษาศาลชั้นต้น มักใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี
ขั้นตอนการฟ้องคดี (โดยสรุป)
- การแต่งตั้งทนายความ — วิเคราะห์คดี รวบรวมหลักฐาน จัดทำคำฟ้อง
- การยื่นคำฟ้องต่อศาล — ศาลรับคำฟ้องและกำหนดวันนัด
- การสืบพยาน — ใช้เวลามาก ขึ้นกับจำนวนพยานและความซับซ้อน
- คำพิพากษา — ศาลอ่านคำพิพากษา สิ้นสุดคดีในศาลชั้นต้น
ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลา
- ความซับซ้อนของคดี — ประเด็นกฎหมาย/พยานหลักฐานมาก ทำให้ยืดเยื้อ
- ประเภทคดี — คดีอาญามักเข้มงวดและใช้เวลามากกว่าคดีแพ่ง
- คิวของศาล — หากคดีค้างจำนวนมาก การนัดสืบพยานอาจยาวนาน
สรุป: โดยรวมใช้เวลาราว 6 เดือน – 1 ปี แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ควรปรึกษาทนายเพื่อประเมินให้เหมาะกับสถานการณ์จริง
สำนักงานกฎหมาย ให้บริการฟ้องคดีอะไรบ้าง
สำนักงานกฎหมายมีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของประชาชน โดยทั่วไปแบ่งบริการได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ คดีแพ่ง และคดีอาญา
ฟ้องคดีแพ่ง
คดีแพ่งเกี่ยวข้องกับสิทธิ หน้าที่ และข้อพิพาททางทรัพย์สินหรือสัญญาระหว่างบุคคล ตัวอย่างเช่น
- คดีกู้ยืมเงิน — เมื่อมีการกู้ยืมแล้วไม่ชำระหนี้ อ่านเพิ่มเติมที่ ฟ้องลูกหนี้
- คดีจ้างทำของหรือผิดสัญญา — คู่สัญญาไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง
- คดีละเมิด — ทำให้ผู้อื่นเสียหายทั้งร่างกาย ชีวิต หรือทรัพย์สิน
- คดีครอบครัว — หย่า เรียกค่าเลี้ยงดู ฟ้องชิงสิทธิเลี้ยงดูบุตร อ่านเพิ่มเติมที่ ฟ้องชู้
- คดีมรดก — การแบ่งทรัพย์สิน/จัดการมรดก อ่านเพิ่มเติมที่ ยื่นคำร้องแต่งตั้งผู้จัดการมรดก
การฟ้องคดีแพ่งมักใช้เวลาในการรวบรวมหลักฐานและพยาน เพื่อพิสูจน์สิทธิเรียกร้องของฝ่ายโจทก์หรือป้องกันสิทธิของจำเลย
ฟ้องคดีอาญา
คดีอาญาเกี่ยวข้องกับความผิดที่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของสังคม ตัวอย่างเช่น
- คดีทำร้ายร่างกายหรือฆาตกรรม
- คดีฉ้อโกง ยักยอก หรือปลอมแปลงเอกสาร
- คดีลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ หรือปล้นทรัพย์
- คดีความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด
- คดีหมิ่นประมาท — ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง ฟ้องหมิ่นประมาท
ทนายความสามารถยื่นฟ้องในนามโจทก์โดยตรงต่อศาล หรือดูแลตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวนจนถึงศาล เพื่อปกป้องสิทธิของผู้เสียหายหรือจำเลย
สรุป
สำนักงานกฎหมายให้บริการฟ้องคดีทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา ครอบคลุมข้อพิพาททางสัญญา การละเมิด คดีครอบครัว จนถึงคดีอาญาร้ายแรง การเลือกใช้บริการสำนักงานกฎหมายจึงสำคัญ เพื่อให้ได้รับความยุติธรรมอย่างถูกต้องตามกระบวนการ
ก่อนมาพบทนาย ต้องเตรียมเอกสารอะไรมาบ้าง
การมาพบทนายความเพื่อฟ้องคดีเป็นขั้นตอนสำคัญ หลายคนอาจไม่แน่ใจว่าควรนำเอกสารใดมาด้วย
การเตรียมเอกสารล่วงหน้าจะช่วยลดความล่าช้า และทำให้ทนายวางแนวทางคดีได้ถูกต้อง แบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ
เอกสารพื้นฐาน
- สำเนาบัตรประชาชนของผู้ฟ้องคดี
- สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ฟ้องคดี
- สำเนาบัตรประชาชนของจำเลย (ถ้ามี)
เอกสารเฉพาะของแต่ละคดี
- คดีฟ้องหย่า หรือฟ้องชู้ — ใบทะเบียนสมรส
- คดีฟ้องหมิ่นประมาท — หลักฐานข้อความ/ข่าว/โพสต์ ควรบันทึกภาพหน้าจอหรือเก็บไฟล์
- คดีฟ้องขับไล่ — โฉนดที่ดิน หรือเอกสารสิทธิ
- คดีฟ้องลูกหนี้ — สัญญากู้ยืมเงิน หรือเอกสารแสดงการกู้ยืม
- คดีฟ้องทำร้ายร่างกาย — ใบตรวจร่างกายจากแพทย์
สรุป: เตรียมเอกสารให้ครบถ้วนช่วยให้การดำเนินคดีราบรื่น ทนายสามารถวิเคราะห์ข้อเท็จจริง ร่างคำฟ้อง และยื่นต่อศาลได้อย่างถูกต้อง หากไม่แน่ใจควรสอบถามสำนักงานกฎหมายล่วงหน้า
10 คำศัพท์ ที่ควรรู้ก่อนมาพบทนาย หรือ ก่อนมาสำนักงานกฏหมาย
การมาพบทนายหรือไปสำนักงานกฎหมาย มักมีการใช้คำศัพท์เฉพาะ หากเข้าใจพื้นฐานจะช่วยให้สื่อสารกับทนายได้ง่ายขึ้น
และเข้าใจกระบวนการทางคดีได้ดีกว่า ต่อไปนี้คือ 10 คำศัพท์สำคัญ
- โจทก์ — ผู้ยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อเรียกร้องสิทธิหรือเอาผิดอีกฝ่าย
- จำเลย — ผู้ถูกฟ้องหรือถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด
- คำฟ้อง — เอกสารที่ทนายจัดทำและยื่นต่อศาล เพื่อระบุข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย
- คำให้การ — เอกสารที่ฝ่ายจำเลยยื่นเพื่อตอบโต้หรือปฏิเสธข้อกล่าวหา
- ค่าธรรมเนียมศาล — ค่าใช้จ่ายที่ผู้ฟ้องคดีต้องชำระให้ศาล
- ไต่สวนมูลฟ้อง — ขั้นตรวจสอบว่าคดีมีมูลเพียงพอหรือไม่
- ไกล่เกลี่ย — กระบวนการให้คู่ความเจรจาประนีประนอม
- สืบพยาน — การเบิกความของพยานโจทก์และจำเลยต่อศาล
- คำพิพากษา — คำตัดสินของศาลหลังพิจารณาคดี
- อุทธรณ์ / ฎีกา — ขอให้ศาลชั้นสูงกว่าพิจารณาคดีใหม่ หากไม่พอใจคำพิพากษาเดิม
สรุป: เข้าใจคำศัพท์เหล่านี้แล้วจะสื่อสารกับทนายได้ตรงประเด็น และติดตามความคืบหน้าคดีได้อย่างเข้าใจมากขึ้น