สำนักงานทนายความติวานนท์
73

รับจดทะเบียนบริษัท

การจดทะเบียนบริษัท คือ อะไร และมีขั้นตอนการรับจดทะเบียนบริษัทอย่างไร

 

รับจดทะเบียนบริษัท บริการทางกฏหมายที่ควรให้มืออาชีพช่วยทำ เพราะคุณไม่ได้จดทะเบียนบ่อยๆ การจดทะเบียนบริษัทเป็นกระบวนการที่สำคัญในการจัดตั้งธุรกิจในประเทศไทย โดยการจดทะเบียนบริษัทจะทำให้กิจการมีสถานะทางกฎหมายที่เป็นทางการ ซึ่งมีข้อดีหลายประการ เช่น การได้รับการคุ้มครองจากกฎหมาย การสามารถทำสัญญาทางธุรกิจ และสามารถขยายธุรกิจได้อย่างมั่นคง การจดทะเบียนบริษัทจึงเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจที่ต้องการมีความน่าเชื่อถือ และสามารถทำงานได้ในระบบเศรษฐกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

การจดทะเบียนบริษัทคืออะไร

การจดทะเบียนบริษัทคือกระบวนการทางกฎหมายที่ทำให้กิจการกลายเป็นบุคคลที่มีตัวตนตามกฎหมาย เพื่อให้กิจการสามารถประกอบธุรกิจได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายของประเทศไทย การจดทะเบียนบริษัททำให้กิจการได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายทั้งในด้านสิทธิและภาระหน้าที่ เช่น การจ่ายภาษี การสัญญาต่าง ๆ การรับผิดชอบทางการเงิน และการจัดการกับเจ้าหนี้

ประเภทของบริษัทที่สามารถจดทะเบียนได้

  1. บริษัทจำกัด (Limited Company)
    บริษัทจำกัดเป็นประเภทของบริษัทที่นิยมมากที่สุดในประเทศไทย โดยผู้ถือหุ้นแต่ละคนมีความรับผิดชอบเพียงแค่จำนวนเงินที่ลงทุนในบริษัท ซึ่งหมายความว่าผู้ถือหุ้นไม่ต้องรับผิดชอบในหนี้สินของบริษัทเกินกว่าจำนวนเงินที่ลงไว้ในหุ้น
  2. ห้างหุ้นส่วนจำกัด (Limited Partnership)
    ห้างหุ้นส่วนจำกัดมีลักษณะคล้ายกับบริษัทจำกัด แต่มีเจ้าของกิจการ 2 ประเภท คือ “หุ้นส่วนที่รับผิดชอบไม่จำกัด” ซึ่งจะต้องรับผิดชอบหนี้สินทั้งหมดของห้างหุ้นส่วน และ “หุ้นส่วนที่รับผิดชอบจำกัด” ซึ่งรับผิดชอบเพียงจำนวนเงินที่ลงทุน
  3. บริษัทมหาชนจำกัด (Public Company Limited)
    บริษัทมหาชนจำกัดคือบริษัทที่สามารถออกหุ้นเพื่อระดมทุนจากสาธารณะชน และหุ้นของบริษัทสามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้

ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัท

การจดทะเบียนบริษัทในประเทศไทยสามารถทำได้ตามขั้นตอนที่กำหนดโดยกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้:

1. การเลือกประเภทของบริษัทและชื่อบริษัท

ก่อนเริ่มกระบวนการจดทะเบียนบริษัท ผู้ประกอบการต้องตัดสินใจเลือกประเภทของบริษัทที่ต้องการจดทะเบียน เช่น บริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด นอกจากนี้ยังต้องเลือกชื่อบริษัทที่ไม่ซ้ำกับบริษัทอื่น ๆ โดยสามารถตรวจสอบความพร้อมของชื่อบริษัทผ่านเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

2. การจัดเตรียมเอกสารที่จำเป็น

ในขั้นตอนนี้ ผู้ประกอบการต้องเตรียมเอกสารต่าง ๆ เพื่อใช้ในการยื่นจดทะเบียนบริษัท ซึ่งประกอบด้วย:

  • สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของผู้ถือหุ้น
  • สำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของกรรมการบริษัท
  • ข้อบังคับบริษัท (Articles of Association)
  • สัญญาจัดตั้งบริษัท (Memorandum of Association)
  • ที่อยู่ของบริษัทที่ใช้ในการจดทะเบียน

3. การยื่นคำขอจดทะเบียนบริษัท

เมื่อจัดเตรียมเอกสารทั้งหมดเสร็จแล้ว ผู้ประกอบการต้องยื่นคำขอจดทะเบียนบริษัทต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าผ่านช่องทางออนไลน์หรือด้วยตนเองที่สำนักงานกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เมื่อยื่นคำขอแล้ว กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะตรวจสอบเอกสารและข้อมูลต่าง ๆ หากครบถ้วนและถูกต้องจะได้รับใบรับรองการจดทะเบียน

4. การชำระค่าธรรมเนียม

ในขั้นตอนนี้ ผู้ประกอบการต้องชำระค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งค่าธรรมเนียมจะแตกต่างกันตามจำนวนหุ้นของบริษัทและประเภทของบริษัทที่จดทะเบียน

5. การรับใบรับรองการจดทะเบียนบริษัท

เมื่อผ่านการตรวจสอบและการชำระค่าธรรมเนียมแล้ว กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจะออกใบรับรองการจดทะเบียนบริษัทให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งถือเป็นการยืนยันว่าบริษัทได้ถูกจดทะเบียนตามกฎหมาย และสามารถประกอบธุรกิจได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

6. การขอทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และเลขประจำตัวผู้เสียภาษี

หลังจากจดทะเบียนบริษัทแล้ว หากบริษัทมีรายได้เกินกว่าขีดจำกัดที่กฎหมายกำหนด ผู้ประกอบการจะต้องลงทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และขอเลขประจำตัวผู้เสียภาษีจากกรมสรรพากร เพื่อให้สามารถออกใบกำกับภาษีได้อย่างถูกต้อง

7. การเปิดบัญชีธนาคาร

ผู้ประกอบการต้องเปิดบัญชีธนาคารในชื่อของบริษัท เพื่อใช้ในการทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ ของบริษัท ซึ่งจะเป็นการแยกเงินส่วนบุคคลออกจากเงินของบริษัทอย่างชัดเจน

ข้อดีของการจดทะเบียนบริษัท

  1. ความน่าเชื่อถือ
    การจดทะเบียนบริษัททำให้ธุรกิจมีสถานะทางกฎหมาย ทำให้ลูกค้าและคู่ค้าเชื่อมั่นในการทำธุรกิจ
  2. ความรับผิดชอบจำกัด
    ในบริษัทจำกัด ผู้ถือหุ้นจะรับผิดชอบเพียงแค่จำนวนเงินที่ลงทุนในบริษัทเท่านั้น
  3. การเข้าถึงแหล่งทุน
    การจดทะเบียนบริษัททำให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงแหล่งทุนต่าง ๆ เช่น การออกหุ้นหรือการกู้เงินจากสถาบันการเงิน

สรุป

การจดทะเบียนบริษัทเป็นขั้นตอนสำคัญในการเริ่มต้นธุรกิจ เนื่องจากมันไม่เพียงแต่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ แต่ยังเป็นการสร้างฐานทางกฎหมายที่มั่นคงและช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ การจดทะเบียนบริษัทมีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน แต่ต้องมีการเตรียมเอกสารและการตรวจสอบข้อมูลให้ครบถ้วน เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น

ในปัจจุบันหลายคนหันมาเริ่มทำธุรกิจของตัวเอง ซึ่งธุรกิจนั้นอาจเป็นธุรกิจเล็กๆ ในครอบครัวหรือแม้แต่ธุรกิจที่ขยับขยายจนกลายมาเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน แต่เมื่อจะขยายกิจการของตัวเองแล้ว “การจดทะเบียน” ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถ้าตัดสินใจได้แล้วว่าจะจดทะเบียนฯ เรื่องต่อมาที่ต้องคิดคือจะจดทะเบียนประเภทไหนดี เพราะการจดทะเบียนบริษัทแบ่งประเภทย่อยได้อีก 2 อย่าง ได้แก่

 

  1. จดทะเบียนบริษัทแบบทะเบียนพาณิชย์ (บุคคลธรรมดา)

คือ การจดทะเบียนบริษัทของกิจการที่มีผู้ประกอบการเป็นเจ้าของเพียงคนเดียว คิดเอง ทำเอง มีอิสระและสามารถตัดสินใจทุกอย่างเกี่ยวกับกิจการได้เต็มที่ เป็นการจดทะเบียนเพื่อบอกให้ชาวบ้านรับรู้ว่า เราทำธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

การจดทะเบียนพาณิชย์จะเหมาะกับกิจการขนาดเล็กที่ขายสินค้าหรือบริการง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก มูลค่าของกิจการไม่สูงมาก ข้อดีคือผู้ประกอบการจะได้รับกำไรเต็ม ๆ และเสียภาษีโดยคำนวณอัตราภาษีหลังหักค่าใช้จ่ายแล้วเท่านั้น แต่ถ้ากิจการขาดทุนก็ต้องรับผิดชอบทุกอย่างรวมถึงหนี้สินแบบไม่จำกัดเช่นกัน

  1. จดทะเบียนบริษัทแบบทะเบียนนิติบุคคล

อันนี้เป็นเหมาะสำหรับกิจการที่มีผู้ประกอบการตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ลงทุนและเป็นเจ้าของกิจการร่วมกัน การกระทำทุกอย่างจะเป็นไปในนามกิจการทั้งหมด 

ข้อดีคือ ภาษีเงินได้สูงสุดที่ต้องจ่ายจะอยู่ที่ 20% ซึ่งน้อยกว่าจดทะเบียนบริษัทแบบทะเบียนพาณิชย์ ส่วนข้อเสียคือ การดำเนินกิจการอาจมีความล่าช้าเพราะมีผู้ตัดสินใจหลายคน 

ทะเบียนนิติบุคคลมี 3 ประเภทแบ่งตามการรับผิดชอบหนี้สิน ที่ “จำกัด” หรือ “ไม่จำกัดจำนวน”ดังนี้

2.1 ห้างหุ้นส่วนจำกัดสามัญ 

คือ กิจการที่มีผู้ประกอบการตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป จะจดหรือไม่จดทะเบียนนิติบุคคลก็ได้ ความรับผิดชอบของหุ้นส่วนมีประเภทเดียวเท่านั้น คือ ผู้ที่รับผิดชอบในหนี้สินแบบ “ไม่จำกัดจำนวน” ผู้เป็นหุ้นส่วนสามารถตกลงทำกิจการร่วมกันและแบ่งปันกำไรจากกิจการได้ แต่ถ้ากิจการขาดทุนหุ้นส่วนทุกคนจะต้องรับผิดชอบหนี้สินร่วมกันโดยไม่จำกัดจำนวน

2.2 ห้างหุ้นส่วนจำกัด

คือ กิจการที่มีผู้ประกอบการตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ต้องจดทะเบียนนิติบุคคล ความรับผิดชอบของหุ้นส่วนแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือแบบ “จำกัด” และ แบบ “ไม่จำกัด” ผู้ที่รับผิดชอบในหนี้สินแบบ “จำกัด” จะไม่สามารถตัดสินใจในกิจการได้ และผู้ที่รับผิดชอบในหนี้สินแบบ “ไม่จำกัด” จะมีสิทธิในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ในกิจการได้ทั้งหมด ถ้าหากกิจการขาดทุนห้างหุ้นส่วนจำกัดจะไม่ต้องจ่ายภาษี

2.3 บริษัทจำกัด 

คือ กิจการที่มีผู้ประกอบการ 2 คนขึ้นไป ต้องจดทะเบียนนิติบุคคล ความรับผิดชอบของหุ้นส่วนมีประเภทเดียว คือ ผู้ที่รับผิดชอบในหนี้สินแบบ “จำกัด” ไม่เกินจำนวนเงินค่าหุ้นที่ค้างชำระ ซึ่งกิจการแบบนี้ต้องมีภาพลักษณ์ดี มีการวางแผนกิจการรัดกุม และมีการบริหารงานในรูปแบบของคณะกรรมการบริษัท เพื่อทำให้กิจการเกิดความน่าเชื่อถือ


ตั้งชื่อบริษัทที่ต้องการใช้ในการจดทะเบียน

 

ก่อนทำการจดทะเบียนบริษัท จะต้องมีชื่อบริษัทขึ้นมาก่อนโดยชื่อเหล่านั้นต้องไม่ซ้ำหรือคล้ายกับบริษัทอื่นๆ ที่จดทะเบียนไปแล้ว โดยการคิดชื่อเพื่อใช้ในการจดทะเบียนนั้นเราสามารถยื่นจองได้สูงสุดถึง 3 ชื่อ และจะได้รับการพิจารณาจากชื่อแรก หากชื่อแรกซ้ำหรือไม่ผ่านเกณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่ง ก็นายทะเบียนก็จะพิจารณาชื่อในลำดับถัดไปแทน
ส่วนการยื่นจองชื่อเพื่อจดทะเบียนบริษัท สามารถทำได้ 2 แบบ คือ

 2.1.ยื่นด้วยตนเองต่อนายทะเบียน ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าในเขตที่เราอาศัยอยู่ หรือหากเราอยู่ต่างจังหวัด ก็สามารถยื่นได้ที่สำนักงานพาณิชย์ประจำจังหวัด

 2.2.จองผ่านอินเตอร์เน็ต โดยกรอกข้อมูลที่เว็บไซต์ www.dbd.go.th

เอกสารที่ต้องใช้ในการจดทะเบียน

 จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ

-หนังสือบริคณห์สนธิ คือ หนังสือแสดงความต้องการในการจัดตั้งบริษัท โดยจะต้องยื่นไม่เกิน 30 วันจากวันที่นายทะเบียนรับรองชื่อเรียบร้อย

-ข้อมูลที่ต้องใช้ในการจัดตั้งบริษัท

-ชื่อของบริษัท (ตามที่ได้จองชื่อไว้)

-ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ / สาขา

-วัตถุประสงค์ของบริษัท

-ทุนจดทะเบียน

-ชื่อ ที่อยู่ อายุ สัญชาติ ของพยาน 2 คน

-ข้อบังคับ (ถ้ามี)

-จำนวนทุน (ค่าหุ้น) ที่เรียกชําระแล้ว อยางน้อยร้อยละ 25% ของทุนจดทะเบียน

-ชื่อ ที่อยู่ อายุของกรรมการ

-รายชื่อหรือจำนวนกรรมการที่มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัท (อำนาจกรรมการ)

-ชื่อ เลขทะเบียนผู้สอบบัญชีรับอนุญาตพร้อมค่าตอบแทน

-ชื่อ ที่อยู่ สัญชาติ และจำนวนหุ้นของผู้ถือหุ้นแต่ละคน

เมื่อส่งเอกสารตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ให้รอการตรวจสอบจากนายทะเบียน หากมีส่วนไหนจะต้องแก้ไขเพิ่มเติมจะได้รับการแจ้งกลับ

 

เตรียมเอกสารหลักฐานเพื่อใช้จดทะเบียนบริษัท

 

เอกสารที่ต้องเตรียมมา

-แบบจองชื่อนิติบุคคล

-สำเนาบัตรประจําตัวของผู้เริ่มก่อการและกรรมการทุกคน

-สำเนาหลักฐานการรับชําระคาหุ้นที่บริษัทออกให้แก่ผู้ถือหุ้น

-แผนที่แสดงที่ตั้งสำนักงานใหญ่และสถานที่สำคัญบริเวณใกล้เคียงโดยสังเขป

สิ่งสำคัญ เอกสารทุกฉบับผู้ขอจดทะเบียนจะต้องเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องอย่างน้อยหนึ่งคน ยกเว้นสำเนาบัตรประจําตัวหรือหลักฐานการเป็นผู้รับรองลายมือชื่อผู้ขอจดทะเบียน เจ้าของบัตรจะต้องเป็นผู้เซ็นรับรองความถูกต้องด้วยตนเอง

-ยื่นคำขอจดทะเบียนบริษัท  ยื่นคำขอได้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าในเขตที่ใกล้บ้านผู้ประกอบการทุกจังหวัดทั่วประเทศรวมทั้งสิ้น 87 แห่ง เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียนและมอบหนังสือรับรอง ก็แสดงว่าผู้ประกอบการเป็นเจ้าของบริษัทที่ได้จัดตั้งขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว


จดทะเบียนบริษัทมีค่าธรรมเนียมเท่าไร           

 

-ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ คิดจากเงินทุนแสนละ 50 บาท โดยเกณฑ์การชำระขั้นต่ำอยู่ที่ 500 บาท และขั้นสูงได้ไม่เกิน 25,000 บาท

-ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนบริษัท ตามทุนจดทะเบียนแสนละ 500 บาท ขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 5,000 บาท และขั้นสูงไม่เกิน 250,000 บาท

-ค่าธรรมเนียมออกหนังสือรับรอง ฉบับละ 200 บาท

-ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน ฉบับละ 100 บาท

-ค่ารับรองสำเนาเอกสาร หน้าละ 50 บาท

 

จดทะเบียนบริษัทใช้เวลากี่วัน

 

การจองชื่อและยื่นตรวจเอกสารออนไลน์ใช้เวลาประมาณ 1 วัน และเมื่อนายทะเบียนตรวจสอบเอกสารเสร็จดำเนินการยื่นจดทะเบียนใช้เวลาประมาณ 1 วันเป็นอันเสร็จสิ้น

การจดทะเบียนบริษัทส่งผลดีกับบริษัทของผู้ประกอบการหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภาษี ความน่าเชื่อถือของธุรกิจ รวมทั้งสร้างโอกาสในการขอสินเชื่อเพื่อพัฒนาธุรกิจของผู้ประกอบการและสร้างความถูกต้องในเรื่องของกฎหมาย เพราะฉะนั้นเมื่อผู้ประกอบการศึกษาการจดทะเบียนบริษัทอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว จะพบว่าการจดทะเบียนย่อมสร้างประโยชน์มากกว่าโทษ

ค่าจ้างทนายในการยื่นคำขอจดทะเบียนบริษัท

เนื่องจากทนายความไม่สามารถประกาศหรือโฆษณาค่าจ้างทนายในเว็บไซต์ได้ เนื่องด้วยข้อบังคับของสภาทนายความ ห้ามมิให้ทนายความโฆษณา หรือประกาศอัตราค่าจ้างว่าความ หรือโฆษณาว่าจะไม่เรียกร้องค่าทนาย ตามข้อบังคับสภาทนายความ ว่าด้วย มารยาททนายความ พ.ศ. 2529 ข้อ 17

สอบถามค่าจ้างทนายความ ในการฟ้องลูกหนี้ ผ่านช่องทางไหนได้บ้าง

ทางโทรศัพท์ 02-1260718

ทางไลน์ @tiwanonlaw

Facebook : สำนักงานทนายความติวานนท์

E-mail : info@tiwanonlaw.com

ขอแนะนำให้ท่าน มาพบทนายด้วยตนเองดีที่สุด เพราะการสอบข้อเท็จจริงที่ดีที่สุดระหว่างทนายความกับลูกความ คือการมานั่งคุยกันต่อหน้า

การคุยกันทางโทรศัพท์ ทางไลน์ ทางอีเมล์ อย่างไรเสียก็สู้มานั่งคุยกันต่อหน้าไม่ได้ เพราะทำให้เข้าใจข้อเท็จจริงต่างๆได้ละเอียดกว่า และสามารถซักถาม ทำความเข้าใจและจับกิริยาอาการต่างๆได้ดีที่สุด

แผนที่ สำนักงานทนายความติวานนท์ 

สำนักงานทนายความติวานนท์ ให้บริการฟ้องคดีแพ่ง ฟ้องคดีอาญา ฟ้องหมิ่นประมาท ฟ้องชู้ ฟ้องขับไล่ ฟ้องลูกหนี้
การทำงานครอบคลุมถึง การออกโนติส การฟ้องคดีโดยตรง การทำงานร่วมกับตำรวจและพนักงานอัยการ
การร้องขอความเป็นธรรม การประกันตัวผู้ต้องหา การไต่สวนมูลฟ้อง การเขียนคำให้การของจำเลย การฟ้องแย้ง
การยื่นอุทธรณ์และการยื่นฎีกา รวมทั้งการสืบทรัพย์ การบังคับคดี และการตั้งเรื่องยึดทรัพย์ขายทอดตลาด

อัตราค่าจ้างทนาย ต้องสอบถามทางบริษัทเท่านั้น สามารถติดต่อได้ตามช่องทางต่อไปนี้

สอบถามเพิ่มเติม ติดต่อทนาย

โทร

แชทไลน์

อีเมล

สำนักงาน

ทนายความ สำนักงานทนายความ สำนักงานกฏหมาย
เลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
อ่านบทความล่าสุด