ทนาย

ทนายความ คือ ใคร ทำหน้าที่อะไรบ้าง

ทนายความ คือ ผู้ที่มีใบอนุญาตในการให้ว่าความในศาล ทนายความจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ทางด้านกฎหมาย และมีจริยธรรมในการประกอบอาชีพ ทนายความ เป็นอาชีพที่มีเกียรติ เป็นที่พึ่งของประชาชน

ทนายความ ทำหน้าที่ในการช่วยลูกความในศาล หากลูกความเป็นโจทย์ ทนายความจะเป็นคนเขียนคำฟ้องและยืนบัญชีพยาน พร้อมนำลูกความเข้าสืบและนำเสนอประเด็นข้อพิพาทให้ศาลทราบ

หากลูกความเป็นจำเลย ทนายความจะทำหน้าที่พูดคุยกับจำเลย รวบรวมข้อมูล เขียนคำให้การของพยาน รวบรวมพยาน หลักฐาน เพื่อนำสืบในชั้นศาล รวมทั้งการถามค้านพยานของโจทย์ ในประเด็นข้อพิพาท เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงจากทั้งโจทย์และจำเลย ให้ศาลทราบข้อมูลอย่างครบถ้วน ในทุกมุมมอง

 

ทนายความ ต้องเรียนจบอะไร 

หลายคนสงสัยว่า กว่าจะเป็นทนายความ ต้องจบอะไรมาบ้าง การที่เป็นทนายความได้ จะต้องผ่านการเรียนปริญญาตรี สาขานิติศาสตร์บัณฑิต หลักสูตร 4 ปี ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทย มหาวิทยาลัยทั่วประเทศได้เปิดคณะนิติศาสตร์ เกือบจะทุกที่แล้ว เพื่อรองรับนักกฎหมายรุ่นใหม่ๆเข้ามา

เมื่อเรียนจบปริญญาตรีแล้ว ต้องเตรียมตัวสอบเพื่อขอใบอนุญาตว่าความ ที่จะเรียกทั่วๆไปมีอยู่ 2 ชนิด คือ

  1. ตั๋วรุ่น คือการอบรม 16 วันแล้วสอบภาคทฤษฎีถ้าสอบผ่านก็จะต้องฝึกงานเป็นเวลา 6 เดือนแล้วสอบภาคปฏิบัติ
    (อบรม>>สอบทฤษฎี>>ฝึกงาน 6เดือน>>สอบปฏิบัติ)
  2. ตั๋วปี หมายถึงต้องฝึกงานทนายก่อน 1 ปีจึงจะมีสิทธิ์สอบตั๋วทนายได้ ซึ่งเป็นการสอบโดยใช้แบบฟอร์มจริงเพราะถือว่าฝึกทนายมาแล้ว
    (ฝึกงาน 1 ปี>>สอบปฏิบัติ)
ขอขยายความประเด็นตั๋วปีและตั๋วรุ่น เพิ่มเติม ดังนี้
  • ตั๋วปี
1.เมื่อเรียนจบนิติศาสตร์เรียบร้อยแล้ว และมีใบรับรองสภามหาวิทยาลัยว่าจบจริง
2.เลือกหาสถานที่ฝึกงานเป็นสำนักงานกฎหมายที่มีทนายความผู้มีอายุตั๋วทนาย 7 ปีขึ้นไป
3.นำเอกสารจากสภาทนายไปให้หัวหน้าสำนักงานนั้นรับรองว่าเราเริ่มฝึกงานตั้งแต่เมื่อไหร่ จากนั้นก็เริ่มฝึกงานทนายนั้น 1 ปี
4. ฝึกงานครบ 1 ปีหากสภาทนายเปิดสอบตั๋วปีให้เราไปสมัครสอบถ้าพร้อมแต่หากไม่พร้อมก็รอรอบหน้า
5.สอบภาคปฏิบัติ ที่เรียกแบบนี้ก็เพราะทุกอย่างเราจะใช้แบบฟอร์มจริง เพราะถือว่า ผ่านงานกันมาแล้ว 1 ปี โดยมีข้อสอบ 1 ถึง 2 หน้าแต่มีคำสั่งในนั้น 5 ถึง 6 ข้อ และยังมีข้อสอบปรนัยอีก 20 ข้อ โดยส่วนใหญ่มักเกี่ยวกับงานปฏิบัติโดยแท้ เช่นถามเกี่ยวกับศาลชำนาญพิเศษ เป็นต้น
6.ถ้าสอบผ่าน 50% จะมีสิทธิ์สอบปากเปล่าและอบรมจริยธรรมได้ใบประกาศฯ จากนั้นเราไปสมัครสมาชิกเนติบัณฑิตไทยสามัญหรือวิสามัญสมาชิกแล้วนำมาประกอบการขึ้นตั๋วทนาย
7.ถ้าหากสอบตกก็รอ การเปิดสอบตั๋วปีครั้งต่อไป
  • ตั๋วรุ่น
1.เมื่อเรียนจบนิติศาสตร์เรียบร้อยแล้ว และมีใบรับรองสภามหาวิทยาลัยว่าจบ เช่นเดียวกันกับตั๋วปี
2.รอสภาทนายเปิดสมัครอบรมตั๋วรุ่น จากนั้นก็ไปสมัครอบรม จะมีการแจกเอกสารด้วย สภาฯจะจัดให้มีการอบรมที่กรุงเทพประมาณ 17 วันเราถือเอกสารที่แจกในวันสมัครนั่นแหละมาอบรม
3.อบรมครบแล้ว สภาฯจะเปิดสอบภาคทฤษฎี ข้อสอบก็จะมี 1 ถึง 2 หน้า พร้อมคำสั่งมา 5-6 ข้อ ตรงนี้คะแนนเต็ม 80 คะแนน แต่มีปรนัยด้วย 20 ข้อ รวมเป็น 100 คะแนน
4.ถ้าสอบผ่าน 50% จะมีสิทธิ์ไปฝึกงาน 6 เดือน (ซึ่งวิธีก็จะเหมือนกับการสมัครลงฝึกงานตั๋วปี) แต่ถ้าตกก็รอรุ่นหน้าเปิด จ่ายครึ่งเดียวเพราะเราเป็นนักศึกษาเก่า
5.ฝึกงาน 6 เดือน
6.สภาทนายจัดอบรมก่อนสอบ 10 วัน จากนั้นสอบภาคปฏิบัติ ซึ่งมันก็มาแนวตั๋วปีเป๊ะเลย
7.ถ้าสอบผ่าน 50% จะมีสิทธิ์สอบปากเปล่าและอบรมจริยธรรมได้ใบประกาศฯ จากนั้นเราไปสมัครสมาชิกเนติบัณฑิตไทยสามัญหรือวิสามัญสมาชิกแล้วนำมาประกอบการขึ้นตั๋วทนาย
8.ถ้าตกก็รอรุ่นหลังที่เค้าจะสอบภาคปฏิบัติค่า จ่ายครึ่งเดียวเช่นเดิม

ทนายความ รายได้เท่าไหร่

ทนายความ ที่พึ่งเริ่มต้นสายอาชีพ หลังจากเรียนจบใหม่ เมื่อสอบผ่านและได้รับใบอนุญาตให้ว่าความแล้ว มีแนวทางการประกอบอาชีพ อยู่หลักๆ  3 แนวทาง คือ 
  1. เป็นข้าราชการในตำแหน่งนิติกร ทำงานด้านกฎหมาย เช่น เจ้าพนักงานบังคับคดี เป็นต้น แต่ที่ไทยจะไม่มีข้าราชการในตำแหน่ง ทนายความ มีตำแน่งราชการที่ทำงานแบบเดียวกันกับทนาย เราจะเรียกชื่อตำแหน่งว่า อัยการ ที่ทำหน้าที่เป็นทนายความของแผ่นดิน  โดยเงินเดือนอัยการผู้ช่วย ซึ่งเป็นข้าราชการอัยการชั้น 1 จะมีรายได้
    • อัตราเงินเดือนเริ่มต้น 25,000 – 26,930 บาท
    • เงินประจำตำแหน่ง 10,000 บาท
    • แต่ถ้าได้เป็นอัยการสูงสุดเป็นข้าราชการอัยการชั้น 8 จะมีรายได้
      • อัตราเงินเดือน 81,920 บาท
      • เงินประจำตำแหน่ง 50,000 บาท
  2. เป็นทนายที่ทำงานประจำกับบริษัทเอกชน หรือ สำนักงานทนายความ ทนายความที่จบใหม่รายได้เริ่มต้นประมาณ 20,000 บาท ถ้ามีความสามารถสูงขึ้นจนเป็นผู้บริหารสายงานกฎหมาย รายได้จะประมาณ 100,000 – 200,000 บาท ขึ้นกับแต่ละองค์กร 
  3. เป็นทนายความอิสระ โดยการเปิดสำนักงานทนายความเอง รายได้ขึ้นอยู่กับจำนวนลูกความ เริ่มแรก อาจจะมีรายได้ประมาณ 20,000 บาท/เดือน ถ้าหากมีลูกความมากขึ้นก็มีรายได้สูงขึ้นตาม ทนายความบางคนอาจทำรายได้ประมาณ 100,000 – 200,000 บาท/เดือน รวมทั้งหากสามารถจัดตั้งเป็นบริษัท และมีทนายความคนอื่นมาช่วยทำงาน ก็อาจมีรายได้หลักล้านบาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับความสามารถของคนในองค์กร 

 

 

Scroll to Top