สำนักงานทนายความติวานนท์
ทนายความ ฟ้องหมิ่นประมาท
486

ฟ้องหมิ่นประมาท

ฟ้องหมิ่นประมาท คือ อะไร 

 

ฟ้องหมิ่นประมาท คือ การที่ผู้เสียหายได้ถูกใส่ความ ถูกทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมื่น ทำการยื่นฟ้องต่อศาล เพื่อให้ศาลลงโทษผู้ถูกกล่าวหา ซึ่งผู้เสียหายหรือโจทก์จะให้ทนายความเขียนคำฟ้อง พร้อมกับรวบรวมพยาน หลักฐานต่างๆ เพื่อนำเสนอต่อศาล ให้ศาลตัดสินลงโทษผู้กระทำความผิดต่อไป 

การหมิ่นประมาทมีได้ 2 กรณี คือ การหมิ่นประมาทแบบธรรมดา และการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

1. การหมิ่นประมาทแบบธรรมดา

การหมิ่นประมาทแบบธรรมดา เป็นการหมิ่นประมาทโดยใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม มีลักษณะเป็นการใส่ความแบบตัวต่อตัว หรือเพียงกลุ่มคนเท่านั้น ไม่ใช่การป่าวประกาศ 

2. การหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา

การหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เป็นการหมิ่นประมาทโดยป่าวประกาศหรือประจานออกไป เช่น การเผยแพร่ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์หรือการหมิ่นประมาททางอินเทอร์เน็ต การเผยแพร่ข้อความลงหนังสือพิมพ์ หรือการเผยแพร่หรือส่งต่อข้อมูลที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น เป็นต้น อัตราโทษจะสูงกว่าการหมิ่นประมาทแบบธรรมดา เพราะบุคคลทั่วไปสามารถเห็นข้อความหมิ่นประมาทได้ ความเสียหายย่อมมีมากกว่า

การหมิ่นประมาท คือ อะไร แบบไหนที่จะเรียกว่าหมิ่นประมาท

การหมิ่นประมาท (Defamation) หมายถึง การกระทำที่ทำให้บุคคลหนึ่งเสียชื่อเสียงหรือได้รับความเสียหายจากการกล่าวหรือเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เป็นจริงเกี่ยวกับบุคคลนั้น ๆ ซึ่งทำให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาหรือถูกโจมตีเสียชื่อเสียงในสังคม การหมิ่นประมาทมีทั้งการหมิ่นประมาทที่เป็นลายลักษณ์อักษร (Libel) และการหมิ่นประมาทที่เป็นการพูด (Slander)

การหมิ่นประมาทถือเป็นการกระทำผิดที่มีผลกระทบต่อความเสียหายทางจิตใจและความเสียหายทางทรัพย์สินของบุคคลที่ถูกกระทำ ซึ่งในหลายประเทศ การหมิ่นประมาทอาจเป็นความผิดทางอาญาหรือทางแพ่งก็ได้ หากผู้ถูกกระทำสามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาถูกทำให้เสียชื่อเสียงจากการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือไม่ได้รับการพิสูจน์ว่ามีมูลความจริง

ในประเทศไทย การหมิ่นประมาทถือเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326-328 ซึ่งระบุถึงโทษทางอาญาและการเรียกร้องค่าชดเชยหรือค่าเสียหายสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการหมิ่นประมาท

อย่างไรก็ตาม การหมิ่นประมาทนั้นไม่ใช่เพียงแค่การกล่าวหรือเขียนคำพูดที่ทำให้เสียหายเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการกระทำที่ทำให้บุคคลนั้นถูกลดคุณค่าหรือเสื่อมเสียชื่อเสียงในสายตาของสาธารณชน การเข้าใจในประเด็นนี้จึงสำคัญเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการหมิ่นประมาททั้งในโลกจริงและโลกออนไลน์ ซึ่งในยุคปัจจุบันการสื่อสารทางอินเทอร์เน็ตสามารถแพร่กระจายข้อมูลได้รวดเร็วและก่อให้เกิดความเสียหายได้ในทันที

ดังนั้น การเคารพสิทธิและศักดิ์ศรีของผู้อื่นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรให้ความสำคัญในการพูดและเผยแพร่ข้อมูลต่าง ๆ อย่างระมัดระวัง


ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการฟ้องหมิ่นประมาท

การหมิ่นประมาทเป็นการกระทำที่ทำให้บุคคลหรือองค์กรเสียชื่อเสียงหรือได้รับความเสียหายจากการกล่าวหาหรือเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง และสามารถส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อชีวิตส่วนตัวและอาชีพของบุคคลที่ถูกกล่าวหา ในประเทศไทย การฟ้องหมิ่นประมาทมีข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายประการ ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภทหลัก คือ การหมิ่นประมาททางอาญา และการหมิ่นประมาททางแพ่ง

1. การหมิ่นประมาททางอาญา

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ถึง 328 ระบุว่าผู้ที่หมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการพูดหรือเขียนข้อความที่เป็นเท็จเพื่อทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียงสามารถถูกดำเนินคดีได้ โดยการหมิ่นประมาททางอาญานั้นหากผู้ที่ถูกกระทำฟ้องร้องและศาลพิพากษาว่าผู้ที่หมิ่นประมาทกระทำความผิดจริง จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ยังมีการกำหนดโทษเพิ่มเติมหากการหมิ่นประมาทนั้นกระทำในลักษณะที่มีการกระจายข้อมูลไปยังบุคคลที่สามหรือการกระทำที่มีลักษณะรุนแรง เช่น การหมิ่นประมาทผ่านสื่อสังคมออนไลน์หรือสื่อมวลชน ซึ่งอาจได้รับโทษที่หนักขึ้น

2. การหมิ่นประมาททางแพ่ง

นอกจากจะเป็นความผิดทางอาญาแล้ว การหมิ่นประมาทยังสามารถฟ้องร้องในทางแพ่งได้เช่นกัน ซึ่งหากศาลตัดสินว่าผู้กระทำหมิ่นประมาทผู้อื่นจริง ผู้ถูกกระทำสามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ ไม่ว่าจะเป็นค่าเสียหายทางจิตใจหรือทางทรัพย์สิน การฟ้องร้องในทางแพ่งนั้นขึ้นอยู่กับความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งอาจรวมถึงการเรียกร้องค่าเสียหายจากการสูญเสียรายได้จากการเสียชื่อเสียง หรือความเสียหายที่เกิดจากผลกระทบทางสังคม

การฟ้องหมิ่นประมาททางแพ่งนั้นผู้ที่ถูกหมิ่นประมาทต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนว่าได้รับความเสียหายจากการกระทำดังกล่าว โดยสามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ทั้งในกรณีที่การหมิ่นประมาทนั้นเกิดจากการพูดหรือการเขียน

3. ข้อยกเว้นในการฟ้องหมิ่นประมาท

แม้ว่าการหมิ่นประมาทจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่ยังมีข้อยกเว้นบางประการที่ทำให้การฟ้องหมิ่นประมาทไม่สามารถดำเนินการได้ เช่น หากการกล่าวหรือเผยแพร่ข้อมูลนั้นเป็นการกระทำเพื่อการวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นที่ได้รับการคุ้มครองตามสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น หรือหากข้อมูลที่เผยแพร่เป็นความจริงและมีวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลสาธารณะ

สรุป

การฟ้องหมิ่นประมาทในประเทศไทยมีข้อกฎหมายที่ครอบคลุมทั้งทางอาญาและแพ่ง ซึ่งการดำเนินคดีในแต่ละประเภทนั้นจะต้องพิจารณาจากหลักฐานและผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง การปกป้องชื่อเสียงและสิทธิส่วนบุคคลเป็นเรื่องสำคัญในสังคมไทย และทุกคนควรตระหนักถึงผลกระทบของคำพูดหรือการกระทำที่อาจทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย

 

คดีหมิ่นประมาท ผิดกฎหมายมาตราไหนบ้าง

 

“ความผิดฐานหมิ่นประมาท”

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 กำหนดว่า “ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิด ฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

โดยหลักแล้ว บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาก็ต่อเมื่อมีกฎหมายบัญญัติว่าการกระทำนั้นเป็นความผิด มีกฎหมายกำหนดโทษไว้ และการกระทำนั้นครบองค์ประกอบความผิด กล่าวคือ ครบเงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด สำหรับความผิดฐานหมิ่นประมาท ได้แก่

 1) ผู้ใส่ความ:ผู้กระทำ(ผู้กระทำการหมิ่นประมาท)
 2) มีการใส่ความ:การกระทำ(การหมิ่นประมาท)
3) ผู้อื่น:กรรมของการกระทำ(ผู้ถูกใส่ความ)
 4) ต่อบุคคลที่สาม (เป็นองค์ประกอบที่ทำให้เข้าตามมาตรานี้
 5) โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นได้รับความเสียหาย

 คำว่า “ผู้ใด” ในมาตรานี้ หมายถึงบุคคล ซึ่งอาจเป็นบุคคลธรรมดา หรือ นิติบุคคลก็ได้ ดังนั้น แม้เป็นกรณีที่บริษัทหมิ่นประมาทบุคคลอื่น บริษัทก็อาจมีความผิดทางอาญาได้ เช่นเดียวกันกับผู้ที่ถูกหมิ่นประมาทซึ่งเป็นผู้เสียหายก็อาจจะเป็นได้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล และโดยคำว่า “ผู้อื่น” ในที่นี้ แม้ผู้กระทำความผิดจะไม่ได้ระบุชื่อ เพียงแต่ทราบได้ว่าหมายถึงใครก็เป็นการกระทำครบองค์ประกอบความผิดแล้ว ประเด็นหลักที่ต้องพิจารณา คือ การใส่ความนั้นต้องทำให้ผู้ฟังคาดคะเนได้ว่าหมายถึงใคร เพราะความผิดฐานหมิ่นประมาทจะสำเร็จก็ต่อเมื่อบุคคลที่สามได้ทราบข้อความและเข้าใจข้อความนั้นด้วย ดังนั้น หากเป็นการใส่ความผู้อื่นกับบุคคลที่สามเป็นชาวต่างชาติ ไม่เข้าใจภาษาไทย หรือ กรณีเป็นคนหูหนวก ถือว่าผู้กระทำกระทำครบองค์ประกอบความผิดแล้ว แต่ไม่สำเร็จ จึงมีความผิดฐานพยายามหมิ่นประมาทเท่านั้น

 

การใส่ความ คือ การทำให้ปรากฏข้อเท็จจริงโดยอาจเป็นความจริงหรือความเท็จก็ได้ถ้าหากพูดแล้วทำให้ผู้อื่นเสียหายก็เป็นความผิด แม้การเล่าเรื่องที่ได้ยินมาให้กับบุคคลอื่นฟังก็อยู่ในความหมายของคำว่าใส่ความด้วยเช่นกัน ดังนั้น การใส่ความจึงไม่จำกัดวิธีอาจใช้วิธีการใด ๆ ก็ได้ เช่น การใช้คำพูด ภาพวาด การแสดงกิริยาอาการอย่างหนึ่งอย่างใด ใช้ภาษาใบ้ หรือใช้สัญลักษณ์ต่าง ๆ รวมถึงการใช้รูปภาพ เช่น การแอบถ่ายภาพคนที่กำลังร่วมประเวณีแล้วนำภาพเหล่านั้นไปให้ผู้อื่นดูถือได้ว่าเป็นการใส่ความและน่าจะทำให้เสียชื่อเสียงซึ่งเป็นการกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท


“ความผิดฐานดูหมิ่น”

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 กำหนดว่า “ผู้ใดดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้าหรือด้วยการโฆษณาต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

ดูหมิ่น หมายถึง การดูถูก เหยียดหยาม ทำให้อับอาย ทำให้เสียหาย เป็นที่เกลียดชัง สบประมาท หรือด่า ส่วนกรณีคำหยาบคายไม่สุภาพ คำแดกดัน คำสาปแช่ง คำขู่อาฆาต คำปรับทุกข์ คำโต้เถียง คำกล่าวติชม ตามปกติวิสัยไม่เป็นการดูหมิ่น และการดูหมิ่นนั้นอาจเป็นการกระทำด้วยวาจา กริยาท่าทาง หรือโฆษณาก็ได้ โดยการกระทำที่จะเป็นความผิดฐานดูหมิ่นตามมาตรา 393 นั้น ต้องเป็นการดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้าหรือดูหมิ่นผู้อื่นด้วยการโฆษณา 

 

หากต้องการฟ้องหมิ่นประมาท มีขั้นตอนการฟ้องอย่างไร 

 

  1. มาพบทนายเพื่อเล่าข้อเท็จจริงและทำใบแต่งทนาย 
  2. รวบรวมพยาน หลักฐาน พร้อมทั้งทำบัญชีพยาน
  3. ทนายเขียนคำฟ้อง 
  4. ศาลรับคำฟ้อง
  5. นัดไกล่เกี่ย
  6. นัดสืบพยาน
  7. ฟังคำพิพากษา  

หากเราต้องการให้ทนายความฟ้องหมิ่นประมาทให้ จะต้องเตรียมหลักฐานและพยานอย่างไรบ้าง

การฟ้องหมิ่นประมาทเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่ต้องใช้ความระมัดระวังและการเตรียมความพร้อมในหลายด้าน เนื่องจากการหมิ่นประมาทเป็นการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของบุคคล การฟ้องร้องในเรื่องนี้จึงจำเป็นต้องมีหลักฐานและพยานที่ชัดเจน เพื่อให้ศาลตัดสินคดีได้อย่างถูกต้องและเป็นธรรม ดังนั้น หากเราต้องการให้ทนายความฟ้องหมิ่นประมาท เราจึงจำเป็นต้องเตรียมหลักฐานและพยานต่าง ๆ ให้พร้อมก่อนที่จะดำเนินการฟ้องร้อง

1. หลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการหมิ่นประมาท

หลักฐานที่สำคัญในการฟ้องหมิ่นประมาทจะต้องสามารถพิสูจน์ได้ว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาหรือถูกกระทำการหมิ่นประมาทได้รับความเสียหายจากคำพูดหรือการกระทำดังกล่าว โดยหลักฐานที่สำคัญมีดังนี้

  • หลักฐานข้อความหรือคำพูดที่หมิ่นประมาท: ในการฟ้องหมิ่นประมาท สิ่งแรกที่ต้องเตรียมคือหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงคำพูดหรือข้อความที่ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นประมาท อาจจะเป็นข้อความที่เผยแพร่ทางสื่อมวลชน สื่อออนไลน์ หรือเอกสารใด ๆ ที่มีการหมิ่นประมาท ตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นการหมิ่นประมาททางออนไลน์ ควรบันทึกภาพหน้าจอ (Screenshot) หรือเก็บข้อมูลจากโพสต์ที่ถูกโพสต์ในเว็บไซต์ต่าง ๆ หรือแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้อง
  • หลักฐานการเผยแพร่ข้อมูล: ต้องพิสูจน์ว่าข้อความหรือคำพูดนั้นถูกเผยแพร่ไปยังบุคคลอื่นหรือสาธารณชน อาจจะเป็นการโพสต์บนโซเชียลมีเดีย การออกสื่อ หรือการส่งข้อความที่มีการหมิ่นประมาท
  • หลักฐานเกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดขึ้น: เพื่อยืนยันว่าผู้ที่ถูกหมิ่นประมาทได้รับความเสียหายจากคำพูดหรือข้อความดังกล่าว เช่น รายงานการสูญเสียรายได้จากอาชีพ การขาดความเชื่อมั่นจากลูกค้า หรือผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในสังคม เป็นต้น
  • หลักฐานเกี่ยวกับความเป็นเท็จของข้อมูล: ถ้าผู้ที่กล่าวหาหรือเผยแพร่ข้อมูลนั้นไม่ได้พิสูจน์ว่าเป็นความจริง ต้องเตรียมหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าข้อความดังกล่าวเป็นเท็จ เช่น การแสดงหลักฐานที่พิสูจน์ความถูกต้องของข้อเท็จจริงที่ถูกกล่าวหา

2. พยานที่สามารถยืนยันข้อมูล

พยานที่สามารถช่วยยืนยันความจริงในคดีหมิ่นประมาทก็มีความสำคัญไม่น้อย พยานสามารถมีบทบาทในการยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นจริงและทำให้เกิดความเสียหายได้ ดังนี้

  • พยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์: ถ้ามีบุคคลที่เห็นหรือได้ยินคำพูดหรือข้อความที่หมิ่นประมาท การนำพยานเหล่านี้มาช่วยยืนยันในศาลจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับคดีได้
  • พยานที่สามารถยืนยันผลกระทบจากการหมิ่นประมาท: พยานที่สามารถยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อชีวิตหรือการดำเนินธุรกิจของผู้ฟ้องร้อง เช่น ลูกค้าที่หายไป หรือบุคคลที่เห็นการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้ถูกหมิ่นประมาท
  • พยานผู้เชี่ยวชาญ: ในบางกรณีที่จำเป็น เช่น การพิสูจน์ความเสียหายทางการเงินจากการหมิ่นประมาทอาจต้องมีผู้เชี่ยวชาญมาช่วยคำนวณหรือยืนยันความเสียหายนั้น ๆ

3. การเก็บหลักฐานและพยาน

การเก็บหลักฐานและพยานควรทำอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้สูญหายหรือมีปัญหาต่อการนำเสนอในศาล ควรจัดเก็บเอกสารที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระเบียบและพยานที่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงได้อย่างชัดเจน หากเป็นหลักฐานทางออนไลน์ ควรเก็บภาพหน้าจอและทำสำเนาข้อมูลให้เป็นระเบียบ หากเป็นพยานบุคคล ควรให้พยานลงลายมือชื่อในเอกสารยืนยันหรือทำบันทึกการให้ปากคำที่สามารถนำไปใช้ในกระบวนการฟ้องร้องได้

สรุป

การฟ้องหมิ่นประมาทนั้นจำเป็นต้องมีการเตรียมหลักฐานและพยานที่ชัดเจนและครบถ้วน เพื่อที่จะพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่าผู้ถูกฟ้องร้องได้กระทำการหมิ่นประมาทและทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้ฟ้องร้อง การเตรียมตัวที่ดีทั้งในด้านเอกสารหลักฐานและพยานจะช่วยให้คดีดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงขึ้น ดังนั้น การปรึกษาทนายความเพื่อขอคำแนะนำและการเตรียมหลักฐานให้ครบถ้วนก่อนการฟ้องร้องจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

 

ฟ้องหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหายได้เท่าไหร่

 

กระบวนการขั้นตอนในการเรียกค่าเสียหายกรณีหมิ่นประมาท ซึ่ง มี 3 วิธีการฟ้อง โดยแต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันดังนี้

1. ฟ้องเป็นคดีอาญา (โดยไม่ได้เรียกค่าเสียหายเข้าไปในคดีและไม่ได้ฟ้องคดีแพ่งต่างหาก) วิธีแรกนี้มักจะพบบ่อยเพราะไม่ยุ่งยาก กล่าวคือ ยื่นคำฟ้องในคดีอาญาข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาเท่านั้น ไม่ต้องเสียเวลาและไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการฟ้องคดีแพ่งต่างหาก และไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในคดีอาญา ส่วนวิธีการเรียกค่าเสียหายนั้น โจทก์หรือผู้เสียหายจะใช้วิธีนำยอดเงินที่ตนต้องการไปเจรจากับจำเลยในชั้นศาลไม่ว่าในวันนัดไกล่เกลี่ยวันนัดไต่สวนมูลฟ้องหรือการไกล่เกลี่ยไต่สวนมูลฟ้องก็ดี โดยหากตกลงกันได้ ได้ยอดค่าเสียหายที่พึงพอใจเมื่อจำเลยชำระค่าเสียหายแล้วโจทก์ก็ทำการถอนฟ้อง วิธีนี้สะดวกรวดเร็วไม่เสียค่าธรรมเนียม ถ้าหากจำเลยต่อสู้คดีโจทก์จะยังไม่มีสิทธิ์ได้ค่าเสียหายนอกจากไปยื่นฟ้องคดีแพ่งเพิ่มเติม

2.  ฟ้องคดีอาญาควบคู่คดีแพ่ง กรณีต่อมาต่อยอดจากวิธีที่ 1 คือ นอกจากโจทก์หรือผู้เสียหายจะยื่นฟ้องคดีอาญาแล้ว ยังยื่นฟ้องคดีแพ่ง(ละเมิด) เรียกค่าเสียหายจากจำเลย 2 ทาง โดยในคดีอาญาเป็นมาตรการบังคับกับเนื้อตัวร่างกายคือโทษจำคุกหรือปรับ แต่ส่วนของค่าเสียหายอันเป็นตัวเงินนั้นโจทก์แยกไปฟ้องเป็นคดีแพ่งต่างหาก โดยโจทก์มีหน้าที่จะต้องพิสูจน์ความเสียหายต่อศาล ส่วนมากคดีแพ่งที่ฟ้องไปนั้น จะรอฟังผลในคดีอาญาว่าการกระทำของจำเลยเป็น ความผิดหรือไม่ หากการกระทำของจำเลยในคดีอาญาเป็นความผิดในส่วนของคดีแพ่งก็พิสูจน์กันเฉพาะเรื่องของค่าเสียหาย โดยในการฟ้องแบบนี้จะมีประสิทธิ์ภาพมากที่สุดเพียงแต่ฝ่ายโจทก์จะต้องยื่นฟ้องคดีถึง 2 คดี จะต้องสละเวลาในการมาศาลถึง 2 คดีและในส่วนของคดีแพ่งจะต้องเสียค่าดำเนินการรวมถึงค่าธรรมเนียมศาลด้วย

3. ยื่นฟ้องคดีอาญาโดยเรียกค่าเสียหายทางแพ่งไปในคดีอาญาเลย การดำเนินการรูปแบบนี้เป็นวิธีที่สามารถเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้เช่นเดียวกับวิธีที่ 2 แต่รวบการพิจารณาคดีให้เหลือในคดีเดียว โดยการเสียค่าธรรมเนียมศาลนั้นเช่นเดียวกับคดีแพ่งเพียงเพียงแต่ไม่ต้องไปแยกฟ้องและไม่ต้องไปศาลถึง 2 คดี มีความสะดวกกว่าแต่มีข้อสังเกตกล่าวคือ ในการพิสูจน์ค่าเสียหายนั้น ผู้เขียนมีความคิดเห็นว่าอาจพิสูจน์ยากกว่าหรืออาจจะได้น้อยกว่าวิธีการฟ้องแยกแบบวิธีที่ 2 

 

ฟ้องหมิ่นประมาท ค่าจ้างทนายเท่าไหร่ 

 

เนื่องจากทนายความไม่สามารถประกาศหรือโฆษณาค่าจ้างทนายในเว็บไซต์ได้ เนื่องด้วยข้อบังคับของสภาทนายความ ห้ามมิให้ทนายความโฆษณา หรือประกาศอัตราค่าจ้างว่าความ หรือโฆษณาว่าจะไม่เรียกร้องค่าทนาย ตามข้อบังคับสภาทนายความ ว่าด้วย มารยาททนายความ พ.ศ. 2529 ข้อ 17

ดังนั้น ขอให้สอบถามค่าจ้างทนายความ ผ่านช่องทาง ต่อไปนี้ 

  • ทางโทรศัพท์ 02-125-2511
  • ทางไลน์ @tiwanonlaw
  • Facebook : สำนักงานทนายความติวานนท์
  • E-mail : info@tiwanonlaw.com
  • มาพบทนายด้วยตนเองดีที่สุด เพราะการสอบข้อเท็จจริงที่ดีที่สุดระหว่างทนายความกับลูกความ คือการมานั่งคุยกันต่อหน้า
  • การคุยกันทางโทรศัพท์ ทางไลน์ ทางอีเมล์ อย่างไรเสียก็สู้มานั่งคุยกันต่อหน้าไม่ได้ เพราะทำให้เข้าใจข้อเท็จจริงต่างๆได้ละเอียดกว่า และสามารถซักถาม ทำความเข้าใจและจับกิริยาอาการต่างๆได้ดีที่สุด
  • แผนที่ สำนักงานทนายความติวานนท์

สำนักงานทนายความติวานนท์ ให้บริการฟ้องคดีแพ่ง ฟ้องคดีอาญา ฟ้องหมิ่นประมาท ฟ้องชู้ ฟ้องขับไล่ ฟ้องลูกหนี้
การทำงานครอบคลุมถึง การออกโนติส การฟ้องคดีโดยตรง การทำงานร่วมกับตำรวจและพนักงานอัยการ
การร้องขอความเป็นธรรม การประกันตัวผู้ต้องหา การไต่สวนมูลฟ้อง การเขียนคำให้การของจำเลย การฟ้องแย้ง
การยื่นอุทธรณ์และการยื่นฎีกา รวมทั้งการสืบทรัพย์ การบังคับคดี และการตั้งเรื่องยึดทรัพย์ขายทอดตลาด

อัตราค่าจ้างทนาย ต้องสอบถามทางบริษัทเท่านั้น สามารถติดต่อได้ตามช่องทางต่อไปนี้

สอบถามเพิ่มเติม ติดต่อทนาย

โทร

แชทไลน์

อีเมล

สำนักงาน

ทนายความ สำนักงานทนายความ สำนักงานกฏหมาย
เลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
อ่านบทความล่าสุด